มหกรรมวิ่งหาวัคซีน เมื่อผู้ต้องการฉีดมีมากขึ้น

มหกรรมวิ่งหาวัคซีน เมื่อผู้ต้องการฉีดมีมากขึ้น

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ ทำให้ความต้องการวัคซีนโควิดเพิ่มมากขึ้น แม้บางส่วนยังคงมีข้อกังขาถึงประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่บ้าง แต่การปล่อยให้ประชาชนวิ่งหาวัคซีนนั้น รัฐบาลต้องเร่งจัดหาและจัดสรรให้ดี

ขณะนี้เริ่มเห็นกระแสความต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่การระบาดระลอก 3 ไม่มีท่าทีที่จะลดลงในช่วงเกือบ 2 เดือน ที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 มีผู้ติดเชื้อสะสมถึง 100,637 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ล่าสุดวันที่ 23 พ.ค.2564 มีจำนวน 2,922 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำหรือที่ต้องขัง 460 ราย รวมถึงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,382 ราย แต่ถ้ารวมผู้ติดเชื้อตั้งแต่การระบาดระลอกแรกจะมีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 129,500 ราย และประเทศไทยขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 88 ของโลกแล้ว

หากพิจารณาจำนวนผู้ฉีดวัคซีนในประเทศไทยนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 มีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนสะสม 2.86 ล้านราย แบ่งเป็นการฉีดเข็มแรก 1.89 ล้านราย และการฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 966,759 ราย ในขณะที่การจองคิวผ่านระบบหมอพร้อมเพื่อฉีดวัคซีนถึงวันที่ 23 พ.ค.2564 มีผู้ลงทะเบียน 7.72 ล้านคน แบ่งเป็นการจองคิวในต่างจังหวัด 6.84 ล้านราย และการจองคิวในกรุงเทพมหานคร 879,118 ราย ในจำนวนดังกล่าวเป็นการลงทะเบียนเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค

ปัจจุบันเริ่มเห็นประชาชนแสดงความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนยังจำกัดเฉพาะบุคลากรที่อยู่ด่านหน้า และการลงทะเบียนยังจำกัดเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง ในขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนได้เปิดให้ประชาชนมาฉีดเพื่อเป็นการทดสอบระบบ จึงเห็นปรากฏการณ์ประชาชนไปรอการฉีดวัคซีนตั้งแต่เช้ามืดในบางโรงพยาบาล รวมทั้งเกิดปัญหาการแย่งโควตาการฉีดวัคซีนจนเป็นเรื่องราวระหว่างเทศบาลกับสาธารณสุขจังหวัด

รวมทั้งเริ่มมีการจัดสรรวัคซีนให้บางจังหวัดเพื่อไปดำเนินการฉีดให้กับประชาชนแล้ว และทำให้เห็นบางจังหวัดได้รับการจัดสรรมาก ส่วนบางจังหวัดได้รับการจัดสรรน้อย ซึ่งการจัดสรรตามหลักการแล้วควรพิจารณาจากความรุนแรงของการระบาดในแต่ละจังหวัด รวมทั้งพิจารณาจากจำนวนประชากรในแต่ละจังหวัด และหากไม่ได้พิจารณาจัดสรรตามหลักการดังกล่าวแล้วเชื่อว่ามีโอกาสที่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรไม่สอดคล้องกับภาวะการระบาดและจำนวนประชากร

ถึงแม้จะมีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามา แต่ถ้าพิจารณาถึงความต้องการฉีดวัคซีนแล้วมีไม่น้อยเช่นกัน เพราะในสถานการณ์ที่การระบาดรุนแรงแบบนี้วัคซีนจึงเป็นที่ต้องการ แต่การปล่อยให้ประชาชนที่พร้อมฉีดต้องวิ่งหาวัคซีนตามโรงพยาบาลต่างๆ หรือหน่วยงานที่ได้รับจัดสรร เช่น สถาบันการศึกษา ดูจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และเมื่อมีประชาชนพร้อมฉีดและกำลังหาวัคซีนจึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะเร่งตอบสนองความต้องการนี้ เพื่อให้การฉีดวัคซีนคืบหน้ามากที่สุด