จับสัญญาณ"พลังประชารัฐ" เปิดปฏิบัติการ"ดูด-ดีล"

จับสัญญาณ"พลังประชารัฐ"   เปิดปฏิบัติการ"ดูด-ดีล"

ต้องจับตาว่า “ประวิตร-ขุนพล” จะเดินเกมดูด ส.ส.-ผู้สมัครเกรดเอ เข้า พปชร.ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเป้าหมายเที่ยวหน้า หวังขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งเหนือเพื่อไทย เพื่อสร้างความชอบธรม ในการนำจัดตั้งรัฐบาล แบบไร้ข้อครหาให้ได้

แม้กระแสข่าวที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะ “ยุบสภา” เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่จะเบาลง ภายหลัง “พรรคร่วมรัฐบาล” พร้อมใจกันโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 แบบไม่มีใครแตกแถว

เมื่อเสียงโหวตกับเสียงอภิปรายในสภาออกมาแตกต่างกันสุดขั้ว จากที่เคยมีกระแสข่าวว่า “พรรคร่วมรัฐบาล” ส่อแพแตก เนื่องจากไม่พอใจการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จนนักการเมือง-สื่อ ต่างจับว่า นายกฯ จะเลือกยุบสภาหรือไม่

โดยมีทางเลือกในการยุบสภา 2 ทาง 1.ยุบสภาภายหลังผ่าน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท 2.ยุบสภาช่วงปลายปีนี้ โดยจะจัดการเลือกตั้งใหม่ต้นปี 2565 แต่ทั้ง 2 ทางเลือกอาจต้องฉีกทิ้งเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เลือกจะอยู่ครบวาระสภา หรือชิงความได้เปรียบด้วยการยุบสภาก่อนครบวาระสภาเพียงไม่กี่เดือน

ตามไทม์ไลน์ตั้งแต่ยุค คสช. “พล.อ.ประยุทธ์-ขุนทหาร-มือกฎหมาย” วางแผนต่อยอดอำนาจอย่างเห็นได้ชัด จากการกำหนดให้ “ส.ว.ลากตั้ง” 250 คน มีวาระ 5 ปี เท่ากับว่า “250 ส.ว.” สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ 2 ครั้ง

หากอยู่ครบ 4 ปี วาระของ “250 ส.ว.” ยังเหลืออีก 1 ปี สามารถโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ หรือตัวตายตัวแทนเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีก 1 สมัย ดังนั้นปัจจัยที่พรรคร่วมรัฐบาลจะกดดันกัน จนยุบสภาจึงเป็นไปได้ยาก หากจะมีปัจจัยเร่งน่าจะเป็นการชุมนุมของ “ขั้วตรงข้าม” มากกว่า แต่เวลานี้ม็อบก็อ่อนแรง กระแสเบาลงไปมาก

แต่แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังไม่ยุบสภา แต่อายุสภาเหลือเพียง 1 ปี 9 เดือน แถมอาจจะยุบสภาก่อนครบวาระ ทำให้บรรดา “แกนนำพรรคการเมือง” ต้องคิดเกม-วางตัว-หาผู้สมัคร เพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป

โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ขึ้นชื่อใช้วิธีลัด เรื่องการดูด ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาเป็นพวกของตัวเอง ถึงเวลาเริ่มปฏิบัติการครั้งใหม่แล้ว 

ภายใต้กติกาเดิม หากใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ด้วยความเป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่ จำนวน ส.ส.เขต อาจเพิ่มขึ้น จนทำให้ไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยก็ได้ ดังนั้น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.รวมทั้งกุนซือการเมือง จึงต้องคิดเกม-คิดแผน ที่จะทำให้ พปชร.มี ส.ส.กลับเข้ามาในสภา เพื่อเป็นฐานค้ำยันให้ พล.อ.ประยุทธ์ น้องเล็ก 3 ป.ไปต่อได้อีกตามโรดแมพที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า จุดบอดของ พปชร.อยู่ที่ภาคอีสาน จึงไม่แปลกที่จะจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีที่ จ.ขอนแก่น ในวันที่ 20 มิ.ย.2564  ซึ่งเป็นที่มั่นการเมืองของ “เอกราช ช่างเหลา” คนสนิทของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยรอเคาะอย่างเป็นทางการในการประชุมพรรควันที่ 8 มิ.ย.นี้

โดยการจัดทัพของ พปชร.ในการเจาะพื้นที่ภาคอีสานครั้งนี้ จะต้องมีการจัดวางทุกอย่างให้เป็นระเบียบ-แบบแผนมากกว่าการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 เนื่องจากในครั้งนั้น “แกนนำพปชร.” แต่ละคนต่างคนต่างดูแล “ผู้สมัครส.ส.” ในพื้นที่ที่ตัวเองดีลและดูดมาได้

อย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำกลุ่มสามมิตร ดูแลพื้นที่อีสานเป็นหลัก แต่ก็ต้องแยกย่อยให้ “แกนนำคนอื่น” ดูแลในจังหวัดที่สามารถดีล “บิ๊กเนม” ของแต่ละจังหวัดมาลงสมัคร ส.ส. ได้ อาทิ “สุพล ฟองงาม” ก็จะดูแลอุบลราชธานี “วิรัช รัตนเศรษฐ” ก็จะดูแลพื้นที่นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ เป็นต้น

ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พปชร.จะแบ่งโซนให้ “แกนนำ” รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่จะต้อง “ดีลผู้สมัครบิ๊กเนม” มาให้ได้มากที่สุด เพราะหากเจาะพื้นที่ภาคอีสานได้ จะทำให้ ส.ส.เพื่อไทยหายไปจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งเป็นการใช้โมเดลเดียวกัน กับพื้นที่ภาคใต้ที่ พปชร.สามารถเจาะฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาได้จำนวนมาก 

ว่ากันว่า เริ่มมี ส.ส.อีสาน จากพรรคเพื่อไทย ปันใจให้ พปชร.หลายคน เพราะท่อน้ำเลี้ยงไหลมาไม่ขาดสาย

ชื่อของ “จักรพรรดิ ไชยสาสน์” ส.ส.อุดรธานี “ไชยวัฒนา ติณรัตน์” ส.ส.มหาสารคาม อยู่ในลิสต์ที่เปิดเผยตัว ภายหลังไม่ปรากฎตัวโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 ขณะที่อีกสายคนยังซุ่มเงียบ ไม่ปรากฎตัวออกมาให้เห็นในเวลานี้

ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เข้ามาเทคโอเวอร์ เลี้ยงดูปูเสื่อ “ส.ส.-ผู้สมัครส.ส.” มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งวางเกมในพื้นที่เกือบทั้งหมด จึงน่าจับตาว่า จะมี “บิ๊กดีล” เข้ามามากน้อยแค่ไหน

โดยเฉพาะตระกูล “บูรณุปกรณ์” ที่ใจไม่อยู่กับพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน แต่มีตัวเลือกอย่างพรรคไทยสร้างไทย ของ “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ที่คอยติดต่อกับตระกูล “บูรณุปกรณ์” หวังยึดเมืองเชียงใหม่ มาจาก “คนแดนไกล” เช่นกัน

ขยับมาที่ภาคกลาง พปชร.ต้องการต้อน ส.ส.เข้าพรรคให้ได้มากเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีพรรคใดผูกขาด ฉะนั้นหากได้ตัวผู้สมัครที่ดูดี-มีฐานเสียง โอกาสที่จะครองแชมป์ภาคกลางก็มีไม่น้อย

ชื่อของลูกพรรคเพื่อไทย “พรพิมล ธรรมสาร” ส.ส.ปทุมธานี “พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ” ส.ส.กทม. “วันชัย เจริญนนทสิทธิ์” ส.ส.นนทบุรี ที่ไม่ปรากฎชื่อ ในการลงคะแนน พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 อยู่ในลิสต์ของ พปชร.แล้วเช่นกัน อยู่ที่ว่าจะกำหนดเกมให้เดินอย่างไร ย้ายมาเลยหรือฝากเลี้ยงไว้ที่พรรคเพื่อไทยก่อน

ขณะเดียวกันในพื้นที่ภาคใต้ พปชร.ไม่เคยเบามือในการยึดพื้นที่ แม้คำสั่งแบ่งงาน ครม.ที่จะให้ “ธรรมนัส” ไปดูแลพื้นที่สงขลา นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์จะโดนต้านจน พี่น้อง 2 ป. “ประยุทธ์-ประวิตร” ยอมถอย

แต่ “ธรรมนัส” ก็เดินเกมผ่าน ส.ส.ภาคใต้ เคลื่อนไหว วางคนที่จะเป็นผู้สมัครเอาไว้หลายคนแล้ว พร้อมทั้งทาบ ส.ส.จากพรรคคู่แข่ง โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปฏิบัติการดูดไม่ยากเท่าเดิม เนื่องจากพรรคประชาชาติที่ครองพื้นที่อยู่ กระแสอ่อนแรงลงไปมาก

ชื่อของ “อนุมัติ ซูสารอ” ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ที่ไม่ปรากฎตัวลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 จึงถูกจัดอยู่ในลิสต์ของ พปชร.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากนี้ ต้องจับตาว่า “ประวิตร-ขุนพล” จะเดินเกมดูด ส.ส.-ผู้สมัครเกรดเอ เข้า พปชร.ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเป้าหมายเที่ยวหน้า หวังขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งเหนือเพื่อไทย เพื่อสร้างความชอบธรม ในการนำจัดตั้งรัฐบาล แบบไร้ข้อครหาให้ได้