อัพเดท ‘โควิดสายพันธุ์อินเดีย’ แคมป์คนงาน ‘หลักสี่’ แพทย์ยัน วัคซีนป้องกันได้

อัพเดท ‘โควิดสายพันธุ์อินเดีย’ แคมป์คนงาน ‘หลักสี่’ แพทย์ยัน วัคซีนป้องกันได้

อัพเดทคลัสเตอร์"แรงงานหลักสี่" ติดเชื้อโควิด-19 อีก29ราย เตรียมย้ายออกจากแคมป์หลักสี่ภายในวันนี้ ขณะที่ หมอยงยืนยัน "สายพันธุ์อินเดีย" ตามหลักวิทยาศาสตร์ ผลฉีดของชาวอังกฤษ วัคซีนที่ไทยใช้อยู่ป้องกันได้

วันนี้(22 ..64 ) เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค พร้อมกับล่ามจิตอาสาได้เข้าไปสื่อสารกับแรงงานก่อสร้างภายในแคมป์ซอยยายผล เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เพื่อสอบถามอาการของโรค และความต้องการของแรงงานที่ติดเชื้อ โควิด-19 และไม่ติดเชื้อกว่า 600 คน ที่กักตัวอยู่ภายในแคมป์งานก่อสร้างวันนี้และยังเหลือแรงงานที่ติดเชื้อ 29 คน ซึ่งจะเป็นผู้ป่วยล็อตสุดท้ายที่จะมีการเคลื่อนย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลในช่วงเย็นวันนี้

  • อัพเดทคลัสเตอร์ "แรงงานหลักสี่"ย้ายผู้ติดเชื้อ29คนวันนี้

นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตหลักสี่ กล่าวว่า แม้จะพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ยังไม่มีความจำเป็นที่ จะสร้างโรงพยาบาลสนามเหมือนที่อื่นๆ เนื่องจากว่ามีรพ.รองรับทุกคนและ ผู้ป่วยล็อตสุดท้ายก็จะถูกนำไปรักษาตัวแล้ว

สำหรับคนงานภายในแคมป์กว่า 500 คน ที่ไม่ติดเชื้อ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่ยังต้องติดตามและสังเกตอาการต่อเนื่อง โดยจะมีการกำชับการปฏิบัติตัวป้องกันโรค รวมถึงตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาเชื้อโควิด (swab) รอบที่ 2 ในวันที่23 ..64 โดยรถตรวจพระราชทาน ไซต์งานก่อสร้างโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซอยแจ้งวัฒนะ 5 เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดแผนเฝ้าระวังโรคในพื้นที่ต่อไป

ขณะที่ผลการตรวจหาเชื้อ 7 ชุมชนที่อยู่รอบทำงานยังต้องรอผลแลบซึ่งหากผลตรวจเลือดออกมาก็จะประเมินได้ชัดเจนว่าการระบาดภายในแคมป์คนงานจะกระจายไปสู่ชุมชนมากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกันสำนักงานเขตสี่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาฉัดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ชุมชนรอบแคมป์งาน จะเปิดให้ฉีดวันละ 1,000 คน ตั้งแต่วันที่ 25-29 ..2564 โรงเรียนบางเขน ไว้สาอนุสรณ์

การระบาดในแคมป์งานหลักสี่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 ..ที่ผ่านมา มีแรงงานในแคมป์ 1,667 คน ติดเชื้อ 1,130คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นแรงงานข้ามชาติ และจากผลการส่งตรวจ 80 ตัวอย่างพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 เป็นสายพันธุ์อินเดียถึง 36 คน -คนไทย 21 คน  เมียนมา 10 คน กัมพูชา 5

  • "หมอยง"แจงการระบาดของ"สายพันธุ์อินเดีย"

.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กYong Poovorawan ตอนหนึ่งว่าเป็นข่าวใหญ่ที่พบ"สายพันธุ์อินเดีย"ยระบาดในประเทศไทยก่อนหน้านี้ที่ศูนย์ก็พบ"สายพันธุ์อินเดีย"B.1.617.2 จากผู้เดินทางมาจากอินเดีย 8 คน ในสถานกักกัน ซึ่งจะไม่มีผลต่อการระบาดในประเทศไทย เมื่อมีการพบ"สายพันธุ์อินเดีย"ในประเทศไทยจึงจำเป็นที่จะต้องควบคุมให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่จะสร้างปัญหาใหญ่โต

สายพันธุ์ที่ระบาดอย่างรุนแรงในอินเดีย ประกอบไปด้วย"สายพันธุ์อินเดีย"และ เบงกอล เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง และให้ความสำคัญ Variant of Concern (VOC) อีกสายพันธุ์หนึ่ง รวมทั้งสายพันธุ์อังกฤษ เพราะมีการแพร่กระจายได้ง่ายมาก อย่างรวดเร็ว

  • "สายพันธุ์อินเดีย"กับโควิด-19ในไทย

"สายพันธุ์อินเดีย"B.1.617 มี 3 กลุ่มย่อย คือ B.1.617.1, B.1.617.2,  B.1.617.3 ดังแสดงในรูป แต่สายพันธุ์ที่ระบาดมากในอินเดียและกระจายไปในประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมากคือสายพันธุ์ B.1.617.2

สายพันธุ์นี้ได้ระบาดไปถึงประเทศอังกฤษ ทำให้ทางอังกฤษต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะแพร่กระจายได้ง่าย

จากข้อมูลในประเทศอังกฤษ มีการรายงานในข่าว Reuters พบว่าสายพันธุ์นี้แพร่กระจายได้ง่าย แต่ไม่น่าจะหลบหลีกภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีน (UK increasingly confident COVID-19 vaccines work against Indian variant)  โดยเฉพาะที่ใช้ในประเทศอังกฤษ ใช้วัคซีน AstraZeneca ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการศึกษาในแนวลึก

ถ้าเราดูในหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ สายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่ายจะมีการกลายพันธุ์ในส่วนของ Spike protein ดังนี้ D614G หรือที่เราเรียกว่าสายพันธุ์ G คือตำแหน่งที่ 614  มีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนจาก Aspartate ไปเป็น Glycine ทำให้สายพันธุ์นี้ครองโลกอยู่ขณะนี้

162167523841

ตำแหน่ง N501Y มีการเปลี่ยนแปลงจาก Asparagine ไปเป็น tyrosine และทำให้จับกลับตัวรับบนผิวเซลล์ได้ดีขึ้น พบในสายพันธุ์อังกฤษ ที่ทำให้แพร่กระจายได้ง่ายขึ้น

ที่สำคัญอีกตำแหน่งหนึ่งคือตำแหน่ง 681 ในตำแหน่งนี้ทั่วไปกรดอะมิโนจะเป็น Proline จะเป็นตำแหน่งที่เอนไซม์ของร่างกายเราคือ furin ไปตัดแบ่ง spike protein หลังจากไวรัสได้เกาะกับเซลล์เรียบร้อยแล้ว ถ้าสามารถตัดได้ง่ายไวรัสก็จะมุดเข้าสู่เซลล์ได้ง่าย เพราะการเกาะติดและเข้าสู่เซลล์จะต้องมีการตัดส่วนของ Spike protein ให้แยกขาดออกจากกัน (S1 และ S2) เพื่อให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ ถ้ายิ่งตัดง่ายก็เข้าสู่เซลล์ได้ง่าย เกิดการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเปลี่ยนเป็น  กรดอะมิโนที่เป็นด่าง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:ปลอดภัยจากโควิด ง่ายๆ เพียงฉีด 'วัคซีนโควิด' ให้เร็ว ให้ไว

                  เตือน!! 'สายพันธุ์อินเดีย' แยงจมูกไม่เจอ หยุดระบาดต้องค้นหาผู้ติดเชื้อให้ไว

                  โควิดสายพันธุ์อินเดียมาแล้ว 'หมอไม่ทน' จี้รัฐนำเข้าวัคซีนตัวอื่นด่วน!                

                  

  • "สายพันธุ์อินเดีย" แพร่ระบายได้ไว ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

จะเห็นว่า"สายพันธุ์อินเดีย" ต่างจากสายพันธุ์อื่นคือเป็น 681R ในตำแหน่งนี้เป็น Arginine ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นด่าง ทำให้เอนไซม์ Furin ตัดได้ง่ายขึ้นและ ง่ายที่จะเข้าสู่เซลล์หรือการติดเชื้อนั้นเอง

การเปลี่ยนแปลงที่จะหลบหลีกระบบภูมิต้านทานส่วนใหญ่ จะให้ความสำคัญอยู่ในตำแหน่งที่ 484  วัคซีนส่วนใหญ่ที่ทำมาจะเป็นสายพันธุ์ ในตำแหน่งนี้คือกรดอะมิโน Glutamic (E) แต่ถ้าเปลี่ยนไปเป็น K หรือ Lysine อย่างเช่นในสายพันธุ์แอฟริกาใต้ จะทำให้หลบหลีกระบบภูมิต้านทานที่จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง

เมื่อดู "สายพันธุ์อินเดีย" (B.1.617.2) ในตำแหน่งนี้ยังเป็น E ดังนั้นด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ วัคซีนที่ใช้อยู่น่าจะมีประสิทธิผลในการป้องกันได้ เช่นเดียวกันกับที่มีการพูดในอังกฤษผ่านสำนักข่าวออกมา

การแพร่กระจายได้ง่ายนี้เองทำให้ทั่วโลก จึงให้ความสำคัญและคำนึงถึง"สายพันธุ์อินเดีย"มีการพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศของตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าการป้องกันสิ่งที่มองไม่เห็น สามารถทำได้ยาก ถ้าขาดระเบียบวินัย

โดยสรุป"สายพันธุ์อินเดีย"B.1.617.2 จะแพร่กระจายได้ง่าย จะง่ายเท่าสายพันธุ์อังกฤษหรือมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจน แต่สายพันธุ์นี้ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ วัคซีนที่เราใช้อยู่นี้ น่าจะป้องกันได้

อยากให้เด็กรุ่นใหม่สนใจวิทยาศาสตร์กันให้มาก การตอบปัญหาต่างๆจะใช้หลักวิทยาศาสตร์ และความจริงที่พิสูจน์ได้

แต่"สายพันธุ์อินเดีย"นี้  วัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทย สามารถป้องกันได้

จากการศึกษาในประเทศอังกฤษ สายพันธุ์อินเดียที่เข้าไประบาดในอังกฤษ ส่วนใหญ่จะเกิดในชุมชนที่มีการฉีดวัคซีนอัตราการครอบคลุมต่ำและจะพบมากในเด็กวัยรุ่นหรืออายุน้อยที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" มากกว่าผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนแล้วจากหลักฐานทางพันธุกรรม โดยเฉพาะตำแหน่งที่หลบหลีกภูมิต้านทานจากวัคซีน ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการให้วัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทย สามารถป้องกันหรือลดความรุนแรงของวัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทย สามารถป้องกันได้

ดังนั้นการจะยับยั้งการระบาดของสายพันธุ์นี้ได้ดีในขณะนี้ คือการให้วัคซีนให้เร็วที่สุด และให้หมู่มากที่สุด