อินโดนีเซียแซงอินเดียขึ้นแท่นศูนย์กลางโควิดเอเชีย

อินโดนีเซียแซงอินเดียขึ้นแท่นศูนย์กลางโควิดเอเชีย

อินโดนีเซียแซงอินเดียขึ้นแท่นศูนย์กลางโควิดเอเชีย ขณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อวันอังคาร (13ก.ค.)ว่า อัตราการใช้เตียงในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ใน 12 จังหวัดสูงกว่า 70%

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เป็นปัญหาใหญ่ของทั่วโลกขณะนี้ กำลังเป็นปัญหาระดับวิกฤติของอินโดนีเซีย เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศนี้มีจำนวนกว่า 40,000 คนเป็นเวลาสองวันติดต่อกันแล้ว และเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียก็เตือนว่าโควิดสายพันธุ์เดลตากำลังแพร่ระบาดไปนอกเกาะชวาที่มีประชากรมากที่สุด

เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาตรวจพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อปลายปี 2563 และสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 40-60% โดยเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียพบกรณีการแพร่ระบาดที่เกิดในเวลาเพียง 5-10 วินาที หลังจากประชาชนคนหนึ่งเดินผ่านผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนหนึ่งในขณะจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า

ขณะนี้ หน่วยงานสาธารณสุขของหลายประเทศยืนยันว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคและวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยหนักจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้ หลังจากได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทโมเดอร์นา และบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังออกมายืนยันว่า วัคซีนของบริษัทสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้เช่นกัน

อินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวันอังคาร (13 ก.ค.)จำนวน 47,899 รายถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มจาก 40,427 รายในวันก่อนหน้านี้ สวนทางกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอินเดียที่ลดลงเหลือ 32,906 รายจาก 37,154 ราย

ข้อมูลจาก ourworldindata.org. ระบุว่า อินโดนีเซียมีประชากรทั้งประเทศ 270 ล้านคนเมื่อเทียบกับอินเดียแล้ว ถือเป็นแค่1ใน5 ของประชากรอินเดียทั้งประเทศ แต่ตอนนี้ อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อประมาณ 132 เคสต่อประชากรล้านคน เทียบกับอินเดียที่มีสัดส่วนของเคสผู้ติดเชื่้อ 26 เคสต่อประชากรล้านคนนับจนถึงวันอาทิตย์(11 ก.ค.)

อินโดนีเซีย ถือเป็นประเทศที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หนักหนาสาหัสที่สุดในภูมิภาค แม้รัฐบาลจะประกาศมาตรการล็อกดาวน์กรุงจาการ์ตา, เกาะชวาและบาหลี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 3-20 ก.ค. แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ยังสูงส่วนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอีก 891 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 2.56 ล้านราย เสียชีวิต 67,355 ราย

ช่วง 7 วันที่ผ่านมา อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 240,000 ราย และเสียชีวิตเกือบ 6,000 ราย โรงพยาบาลหลายแห่งเจอปัญหาขาดแคลนเตียงและออกซิเจน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอินเดียปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะยานสูงสุดในเดือนพ.ค.สวนทางกับสถานการณ์ของอินโดนีเซียที่การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและยังไม่มีสัญญาณการชลอตัวให้เห็น

“บูดิ ซาดิคิน”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อวันอังคารว่า อัตราการใช้เตียงในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ใน 12 จังหวัดสูงกว่า 70% ในจำนวนนี้ 50% อยู่บนเกาะชวา ส่วนที่เหลืออยู่ตามเกาะใหญ่อื่นๆของอินโดนีเซีย ส่วนในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอินโดนีเซีย อัตราการใช้เตียงของผู้ป่วยโควิดเกือบถึง 90% แล้ว

ซาดิคิน กล่าวด้วยว่า รัฐบาลกำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงกว่านี้และมีเคสผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 30% ในระยะ2สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งการรับมือที่ว่าครอบคลุมถึงการเปลี่ยนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลตามปกติให้เป็นสถานที่ให้การรักษาเยียวยาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ

ช่วงต้นปีมานี้ รัฐบาลอินโดนีเซีย เตรียมเตียงสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ ในสัดส่วนประมาณ 30% ของจำนวนเตียงในโรงพยาบาลทั้งหมดที่มีอยู่ 400,000 เตียง แต่เตียงที่เตรียมไว้ก็เต็มในเวลาอันรวดเร็วเพราะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม อันเนื่องมาจาก

วันฉลองการสิ้นสุดเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม หรือวันตรุษอีดในเดือนพ.ค.และไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ

“ทั่วประเทศยังคงมีเตียงแต่การพบผู้ป่วยรายใหม่จำนวนมากในหลายจังหวัดมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา และไวรัสสายพันธุ์นี้ ไม่ได้แพร่ระบาดเฉพาะบนเกาะชวาเท่านั้น เราเห็นสัญญาณการระบาดของไวรัสชนิดนี้นอกเกาะชวาด้วย ทั้งที่แลมปุง กาลิมันตันตะวันออก สุมาตราใต้ ปาปัวตะวันตก หมู่เกาะริอู และเบงกูลู”ซาดิคิน กล่าว

ซาดิคิน ยังกล่าวถึงการขาดแคลนด้านอื่นๆที่เป็นปัญหาในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คือ การขาดแคลนบุคคลากรด้านสาธารณสุข ขาดแคลนถังอ็อกซิเจนและขาดแคลนเวชภัณฑ์สำหรับโรคโควิด-19