ผู้ประกอบการจี้รัฐชัดเจน "ภาษีคริปโตฯ" ปรับกฎหมายให้ทันเทคโนโลยี

ผู้ประกอบการจี้รัฐชัดเจน "ภาษีคริปโตฯ" ปรับกฎหมายให้ทันเทคโนโลยี

“โทเคน เอกซ์” เผยมาร์เก็ตแคปตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งเฉียด 100 ล้านล้านบาท สะท้อนนักลงทุนยอมรับ “เอ็กซ์สปริง” แนะภาครัฐชัดเจนนโยบายภาษี-กฎหมาย เชื่อเอกชนพร้อมลุย “กรุงศรี” เผยลูกค้าให้ความสนใจทุกกลุ่ม คาดอนาคตนักลงทุนสถาบันแห่เข้าลงทุน

วานนี้ (15 พ.ย.) “กรุงเทพธุรกิจ” ผนึก “ฐานเศรษฐกิจ” จัดสัมมนา Wealth Virtual Forum ลงทุนอย่างไรให้รวย? ในหัวข้อ เงินดิจิทัล ไปต่อ หรือ พอแค่นี้ โดยมี 3 วิทยากรมาให้ความรู้นักลงทุน ที่ร่วมรับฟังสัมมนาผ่านระบบ ZOOM Line official Youtube และ Facebook กรุงเทพธุรกิจและ ฐานเศรษฐกิจ จำนวนมาก

นางสาวจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า มูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2559 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) เท่านั้น

แต่เมื่อต้นเดือน พ.ย.2564 ที่ผ่านมา มาร์เก็ตแคปของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 98 ล้านล้านบาท) สะท้อนการยอมรับของตลาด (Market Adoption) ที่เพิ่มขึ้น

ภายหลังตลาดเติบโตอย่างมาก ยอมรับว่าโอกาสลงทุนหลังจากนี้ประเมินยากว่ามูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลจะเติบโตเร็วเทียบเท่ากับในอดีต หรือเติบโตช้ากว่าในอดีต เพราะปัจจุบันมีเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้นในตลาดค่อนข้างมาก เช่นโซลาน่า (Solana) หรือเทอร์รา (Terra) ฯลฯ

ซึ่งต่างก็พยายามพัฒนาช่องทางการใช้งาน (Use Case) ของตัวเอง แต่จะสามารถเติบโตได้มากน้อยแค่ไหนจะต้องติดตามดูต่อไป

ก.ล.ต.เปิดกว้างธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ในมุมของผู้กำกับดูแลในประเทศไทย พบว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ค่อนข้างให้ความสนใจ และให้การสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ได้ออกกฎห้ามประกอบธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศจีน ซึ่งประกาศให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ดี สินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นสินทรัพย์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน และนักลงทุนอาจยังไม่คุ้นเคย จึงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาตลาด รวมถึงการตีความกฎระเบียบ เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี และมีพัฒนาการใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา

สำหรับธุรกิจโทเคนดิจิทัลของบริษัทฯ แตกต่างกับสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี) เพราะมีสินทรัพย์อ้างอิงการลงทุน ขณะที่การเคลื่อนไหวของราคาคริปโตฯ บางเหรียญอาจมาจากความต้องการซื้อ (ดีมานด์) และความต้องการขาย (ซัพพลาย) เท่านั้น

ในฐานะตัวกลางบริษัทฯ มีหน้าที่กำหนดกติกาและคุณสมบัติของผู้ระดมทุน (Issuer) รวมถึงรายละเอียดโครงการ และการให้ข้อมูลแก่นักลงทุน ซึ่งการมีตัวกลางจะช่วยกลั่นกรองข้อมูล ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น

‘เอ็กซ์สปริง’ จับตานโยบายภาษี

นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า ในฐานะบริษัทผู้ทำดีลโทเคนฯ ตัวแรกในประเทศไทย ยอมรับว่าการระดมทุนสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

แม้ประเทศไทยจะมีกฎเกณฑ์ออกมารองรับค่อนข้างนานแล้ว แต่การออกแบบเพื่อให้ผู้กำกับดูแลสบายใจยังใช้เวลาพอสมควร อีกทั้งยังมีข้อจำกัดที่นักลงทุนสถาบันยังไม่สามารถเข้ามาลงทุนได้

อย่างไรก็ดี พบว่านักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อโทเคนดิจิทัลของบริษัท โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่เปิดจองโทเคนดิจิทัลแรกของประเทศไทย มูลค่า 2,400 ล้านบาท มีนักลงทุนแสดงความสนใจจองซื้อกว่า 7,000 ราย

โดยการลงทุนในโทเคนดิจิทัลมีข้อดีตรงที่สามารถเลือกลงทุนบางส่วนได้ เช่น เลือกลงทุนใน 1 ไลน์การผลิตของโรงงานทั้งหมด ยืดหยุ่นกว่าการลงทุนหุ้นที่ต้องลงทุนทั้งบริษัท

ขณะที่ข้อจำกัดในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลปัจจุบัน ได้แก่ นโยบายภาษี ซึ่งในตลาดหุ้นเองก็มีการเก็บภาษี เพียงแต่ ก.ล.ต.ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ ส่วนคริปโทฯ ยังต้องรอความชัดเจนจากสรรพากรและกระทรวงการคลัง

รวมถึงข้อจำกัดด้านกฎหมายที่ยังตามเทคโนโลยีไม่ทัน หากภาครัฐมีความชัดเจน เชื่อว่าภาคเอกชนก็พร้อมลงทุน

‘กรุงศรี’ ชี้เทรนด์สถาบันแห่ลงทุน

นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการทำงานใกล้ชิดกับลูกค้า พบว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสนใจทั้งจากกลุ่มนักลงทุนในประเทศ นักลงทุนต่างประเทศ นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน

ล่าสุด กองทุนของมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มกระแสการลงทุนใหม่ๆ ในอดีต หันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้บรรดากองทุนขนาดใหญ่ในตลาดเข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดีสินทรัพย์ดิจิทัลยังเป็นสินทรัพย์ที่ค่อนข้างใหม่ ส่งผลให้จำนวนบทวิเคราะห์ในตลาดยังค่อนข้างน้อย ดังนั้น นักลงทุนต้องทำการบ้านและศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน

เบื้องต้นแนะนำลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เกิน 5-10% และทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจมากขึ้น

นอกจากนี้ จังหวะการลงทุนก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่าปัจจัยอื่นๆ โดยพบว่าช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนคือช่วงที่เกิดข่าวร้าย เช่น ข่าวประเทศจีนแบนสินทรัพย์ดิจิทัล

ภายหลังการประกาศในช่วง 5-6 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าราคาสินทรัพย์จะลดลงประมาณ 8-10% หากนักลงทุนทยอยซื้อได้ครบทุกครั้งก็จะสร้างสามารถผลกำไรได้อย่างมหาศาล