'บิทคอยน์'วูบเกือบ 40% เดือนนี้

'บิทคอยน์'วูบเกือบ 40% เดือนนี้

บิทคอยน์ดิ่งลงใกล้หลุดระดับ 35,000 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (28พ.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ ส่งผลให้เดือนนี้บิทคอยน์ทรุดตัวลงเกือบ 40%

บิทคอยน์ร่วงลงกว่า 8% สู่ระดับ 35,339 ดอลลาร์ในวันนี้ และดิ่งลง 37% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ และหากบิทคอยน์ยังคงไม่ฟื้นตัวขึ้นก่อนสิ้นเดือนนี้ เดือนพ.ค.นี้ก็จะเป็นเดือนที่บิทคอยน์ทำสถิติปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2554

บิทคอยน์เคยทะยานเหนือระดับ 64,400 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในกลางเดือนเม.ย. ขานรับคอยน์เบส โกลบอล อิงค์( Coinbase Global Inc) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก

แต่หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน ราคาบิทคอยน์ก็หายไปกว่า 50% โดยไหลลงแตะระดับ 30,261 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการเข้าควบคุมตลาดคริปโตของทางการจีนและสหรัฐ

รวมทั้งการที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ประกาศงดรับบิทคอยน์ในการซื้อรถยนต์เทสลา โดยอ้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการขุดบิทคอยน์ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมาก

ด้านนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และสภาแห่งรัฐของจีน ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางการจีนจะเข้ากวาดล้างการทำเหมืองขุดบิทคอยน์ รวมทั้งควบคุมพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนเพื่อป้องกันมิให้ความเสี่ยงของปัจเจกบุคคลลุกลามไปสู่สังคมในวงกว้าง

แถลงการณ์ระบุว่า การคุมเข้มบิทคอยน์มีความจำเป็นเพื่อป้องกันระบบการเงินของประเทศ

“การกวาดล้างอย่างรุนแรงต่อกิจกรรมด้านหลักทรัพย์ที่ผิดกฎหมาย และการลงโทษอย่างรุนแรงต่อกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาความมีเสถียรภาพในตลาดหุ้น, ตราสารหนี้ และปริวรรตเงินตรา” แถลงการณ์ระบุ

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้สั่งห้ามสถาบันการเงินให้บริการใดๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต และเตือนไม่ให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินคริปโตเพื่อเก็งกำไร

ท่าทีดังกล่าวของจีนสอดคล้องกับกระทรวงการคลังสหรัฐที่ระบุว่า ทางกระทรวงจะออกมาตรการกวาดล้างตลาดสกุลเงินคริปโต รวมทั้งการทำธุรกรรมในตลาดดังกล่าว

ทั้งนี้ รายการโอนเงินสกุลคริปโตที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์ขึ้นไป จะต้องมีการรายงานไปยังกรมสรรพากรสหรัฐ (ไออาร์เอส)

“สกุลเงินคริปโตได้สร้างปัญหาการตรวจสอบเป็นอย่างมาก โดยมีการสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการหลบเลี่ยงภาษี” แถลงการณ์ระบุ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเสนอเพิ่มงบประมาณ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ไออาร์เอส รวมทั้งเพิ่มพนักงานเต็มเวลาจำนวนมากกว่า 86,000 รายในช่วง 1 ทศวรรษข้างหน้าเพื่อรับมือกับการเติบโตของสินทรัพย์คริปโต

“ภาคธุรกิจที่รับสินทรัพย์คริปโตที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ จะต้องรายงานต่อไออาร์เอส เช่นเดียวกับเงินสด โดยภายในบริบทของกฎระเบียบการรายงานบัญชีทางการเงินฉบับใหม่นั้น สกุลเงินคริปโต, บัญชีแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต และบัญชีการให้บริการด้านการชำระเงินซึ่งมีการรับสกุลเงินคริปโต จะต้องถูกรวมอยู่ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว” กระทรวงการคลังระบุ