xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แหม่มโพแดง แรง! เทหมดหน้าตัก ฝันแลนด์สไลด์ชิงอำนาจ จังหวะ “ลุงตู่” แลนด์ไถล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สำเนาถูกต้อง ดีเอ็นเอ “พ่อแม้ว” มาเต็มขนาดนี้ ฟันธงแบบไม่กลัวเสียหน้าว่า เลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไปมีชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของ “เฮียโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี คำถามสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ทำไม “พ่อแม้ว” ถึงมั่นใจว่า “ลูกอิ๊ง” จะ “แรง” จนต้องตัดสินใจ “เทหมดหน้าตัก” เยี่ยงนี้? “พ่อแม้ว” มีเหตุผลอะไรถึงกล้าหงายไพ่เปิดตัว “แหม่มโพแดง”เป็น “หัวหน้าครอบครัว” นำทัพเพื่อไทยกันตั้งแต่ไก่โห่

เอาเข้าจริงสัญญาณนี้ชัดมาตั้งแต่ “แพทองธาร” เปิดตัวเป็นประธานที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม เมื่อการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่ จ.ขอนแก่น หลายเดือนก่อน หลายฝ่ายก็ฟันธงไปล่วงหน้าแล้ว แต่ที่ไม่เดินแรงตั้งแต่ปลายปีกลายหลังเปิดตัว ก็เพราะวันนั้นการแก้ไขกติกาเลือกตั้งยังลูกผีลูกคน หากเป็นกติกาบัตรใบเดียวดูจะไม่คุ้มเสี่ยงกับตัวลูกสาว เพราะเริ่มมีความชัดเจนย้อนกลับไปกติกาเก่าไม่ได้ ทีนี้ก็ตีธงบุกเต็มตัว

เป็นที่มาของเวทีครอบครัวเพื่อไทย ที่ จ.อุดรธานี เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่เป็นอีเวนต์โหมกระแส อวยยศให้ “คุณอุ๊งอิ๊ง” ขึ้นเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ที่หัวหน้าตัวจริงอย่าง “พี่หมอ” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ยังต้องค้อมหัวให้ความเคารพ ก็ยิ่งชัดเจน

ตอกย้ำด้วยว่า “เถ้าแก่เพื่อไทย” ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา นอกเหนือจากคนในครอบครัว

และภาพก็สะท้อนชัดว่า พรรคเพื่อไทยก็ยังดำรงความเป็นกิจการในเครือ “ชินวัตร” ภายใต้แคมเปญ “ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหม่ หัวใจเดิม” ที่พยายามตอกย้ำว่า “ครอบครัว” ใหญ่กว่า “พรรค”

ด้วยรูปแบบที่ไม่ได้ประกาศหาสมาชิกพรรคเหมือนตามปกติ แต่เป็นให้ผู้ที่สนใจสมัครโดยตรงกับพรรคเอง เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดที่ว่า สมาชิกพรรคต้องเสียค่าบำรุงรายปี หรือตลอดชีพ โดยมีหวังจะล่ารายชื่อ 14 ล้านคน เหมือนที่เคยได้รับการเลือกตั้งสมัยพรรคไทยรักไทย ตามเป้าหมาย “แลนด์สไลน์ทั้งแผ่นดิน”

เป็นอีเวนท์สำคัญ ที่ “ทักษิณ” ถึงขั้นต้องปิดมาประกบสั่งการถึงประเทศสิงคโปร์ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังเลือกปักหมุดที่ “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” จ.อุดรธานี อีกด้วย

ว่ากันตามจริง หากไม่ติดเงื่อนไขที่วันนี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ต้องทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ที่เป็นตำแหน่งโปรดเกล้าฯ เชื่อเถอะ “หมอชลน่าน” คงปิ๋วไปแล้ว

แต่เมื่อยังต้องเป็นตามกติกา ก็จำต้องยอมให้ “ลูกนายใหญ่” ขี่คอไปก่อน

น่าสนใจไม่น้อยว่า เหตุใด “ทักษิณ” ที่ระยะหลังยึดทฤษฎีการเมืองที่ว่า “เปิดเร็วก็ช้ำเร็ว” อย่างสมัย “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวสุดเลิฟ ที่อุบไต๋ไว้นานสองนาน กว่าจะงัดออกมาใช้ก็ก่อนเลือกตั้งแค่ 49 วันเท่านั้น

แต่รายของ “ลูกอิ๊ง” กลับใช้สูตร “เร่งโต” รีบทิ้งไพ่ว่ากันยาวๆ เคาท์ดาวน์ล่วงหน้าร่วมปี

รู้ทั้งรู้ว่า เปิดตัวตั้งแต่หัววัน ก็เหมือนล่อสหบาทา เสี่ยงเป็นเหยื่ออันโอชะของ “กองแช่ง” อย่างรายของ “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่ไล่งับวันละ 3 เวลา หรือบทวิเคราะห์การเมืองที่จับ “อุ๊งอิ๊ง” ชำแหละแบบละเอียดยิบไม่เว้นแต่ละวัน

 แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

 ทักษิณ ชินวัตรกับ “มาดามอุ๊งอิ๊ง”
แม้แต่ชนักเก่ากว่า 20 ปีก่อน กรณีสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยก็ถูกขุดมาถาม

มองอย่างเหนือชั้น คงเป็นความมั่นอกมั่นใจเป็นพิเศษของ “ทักษิณ” ต่อตัวลูกสาว และต่อสถานการณ์ทางการเมือง

แต่ในมุมกลับอาจเห็นว่า ภายในพรรคเพื่อไทยมีความระส่ำระสาย เหตุเพราะเป็นฝ่ายค้านนาน ท่อน้ำเลี้ยงไหลไม่คล่องเหมือนในอดีต จำเป็นต้องทิ้ง “ไพ่ใหญ่” เพื่อให้ “ลิ่วล้อ” เห็นว่า “เจ้านาย” ยังเอาจริง ไม่ทอดทิ้งแน่นอน

อีกทั้งในความละอ่อนทางการเมืองของ “ลูกอิ๊ง” ก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการขัดเกลาเพื่อให้ได้รับการยอมรับ และทางที่ดีและเร็วที่สุดก็โยนขึ้นเวทีไปเลย

มองในมุมแรก ความมั่นอกมั่นใจของ “ทักษิณ” ที่คงมองว่า ช่วง 1-2 ปีหลังถือเป็นจังหวะที่ “รัฐบาลประยุทธ์” อยู่ในช่วง “แลนด์ไถล” ตกต่ำสุดขีด และประเมินว่า จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ไร้หนทางที่จะกู้ศรัทธากลับมาได้ ถือเป็นโอกาสดีในการปล่อยคิว “แพทองธาร” ออกมาปูทางไว้ล่วงหน้า

ไม่เท่านั้นองคาพยพฝ่ายรัฐบาลระหองระแหง ไม่เว้นแม้แต่ “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีประเด็นกินใจกันอยู่

ยิ่งมีการกลับไปใช้กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 บัตร เลือกตั้ง 400 เขต 100 ปาร์ตี้ลิสต์ ตามรูปแบบรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ “ระบอบทักษิณ” เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ถึงขั้นได้ ส.ส. 377 จาก 500 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวมาแล้ว

ยิ่งช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปากท้องเช่นนี้ ก็ยิ่งเป็นความได้เปรียบของแบรนด์ “ชินวัตร” เจ้าของตำรับ “ประชาธิปไตยกินได้” ผ่านพรีเซนเตอร์ที่หน้าละม้าย “ทักษิณ” ราวกับถอดกันมาอย่าง “ลูกอิ๊ง” ก็เชื่อว่าจะฝ่าด่าน “กระสุนดินดำ-กลไกรัฐ” ได้ไม่ยาก เพราะขนาดหนก่อนยังชนะเลือกตั้ง แค่ตั้งรัฐบาลไม่ได้เท่านั้น

ที่สำคัญคือ “พ่อแม้ว” น่าจะมั่นใจแล้วว่า ยุคนี้ คง “ไม่มีปฏิวัติ-รัฐประหาร” แล้ว

ประเมินแบบนักธุรกิจหัวใสสไตล์ “ทักษิณ” ถือว่า “เสี่ยงต่ำ” โอกาส “เจ๊ง” แทบไม่มี ก็เลยรีบตุนกระแสไว้แต่เนิ่นๆ

โดยทวงทั้งกลุ่มสาวกเดิมตั้งแต่พรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน กระทั่งฉกชิง “คนรุ่นใหม่” จากพรรคก้าวไกลด้วย

 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อย่างไรก็ดีปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยเอง ก็เป็นสาเหตุที่ต้องรีบเปิดตัว “ลูกนายใหญ่” เหตุเพราะความระส่ำระสายภายใน ความเป็นอยู่ตามมีตามเกิด มี “ดงงูเห่า” ที่ถูกฝากเลี้ยงไว้หลายสิบคน จึงจำเป็นต้องกระชับอำนาจภายใน ทำให้เห็นว่า “นายใหญ่” ยังสู้ต่อไม่ทอดทิ้ง

และขนาด “เล่นใหญ่” เบอร์นี้แล้วก็ยังมี ส.ส.เตรียมย้ายพรรคหลายต่อหลายคน ทั้งกลุ่มศรีสะเกษ-นครนายก ที่เตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เช่นเดียวกับหลายจังหวัดในภาคอีสาน ที่ถูกตามจีบอย่างหนักจนหวั่นไหวฟาดกล้วยกันไปหลายเครือแล้ว

หรือกระทั่งอดีตคนกันเองอย่าง พรรคไทยสร้างไทย ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็เด็ดเอาระดับแกนนำไปแล้วหลายคน และเชื่อว่าจะมี ส.ส.ตามไปอีกไม่น้อย

ที่แน่นอนแล้วไม่พ้น “เสี่ยเก่ง” การุณ โหสกุล ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง ที่ทำเอาอีเวนท์ปั้น “คุณหนูอิ๊ง” แทบจืด เมื่อออกมาฉะแหลก “นักรบห้องแอร์” ที่ทำให้ไม่ได้อยู่ร่วมครอบครัวเพื่อไทย และคาดว่าจะตามสมทบกับพรรคไทยสร้างไทย ในฐานะคนสนิทของ “เจ๊หน่อย”

รวมทั้งยังมองว่า “อุ๊งอิ๊ง” ต้องแต่งตัวอีกพอสมควร หากไม่โฟกัสที่ “บิ๊กตู่” ก็ต้องมองคู่แข่งชิงเก้าอี้นายกฯในระนาบเดียวกันอย่าง “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย หรือ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

แม้ว่าฐานพรรคเพื่อไทยเข้มแข็งที่สุด แต่ในมุม “วัยวุฒิ-คุณวุฒิ” ของแคนดิเดตที่ว่าไปข้างต้นเหนือกว่า “อุ๊งอิ๊ง” ทั้งสิ้น

การเปิดตัวทำการเมืองล่วงหน้า โดยที่ยังแทงกั๊กเรื่องแคนดิเดตนายกฯ หรือการลงสมัคร ส.ส.ไว้ก็ถือว่าไม่เสียหาย

แต่การย่างกรายเข้าสู่การเมือง มีตำแหน่งในพรรคเพื่อไทย ก็คงไม่ใช่แคทวอล์กที่ “แพทองธาร” จะมาเดินสวยๆ เท่านั้น เพราะขณะนี้ถือว่าในพรรคเพื่อไทยก็มี “แรงกระเพื่อม” อยู่พอสมควร ทั้งระดับที่แก่งแย่งแข่งกันใหญ่ หรือระดับล่างที่ไม่พอใจแนวทางของพรรค

ทั้งกรณี “นักรบห้องแอร์” ที่ไม่ได้มีแค่ “เก่ง-การุณ” เท่านั้นที่ไม่พอใจ แต่ยังมีหลายคนที่รู้สึกในทำนองเดียวกัน แค่ยังไม่ได้ออกตัว หรือกระทั่งหลังจากที่เปิดตัว “แพทองธาร” เมื่อปลายปีกลาย “ทีมงานอุ๊งอิ๊ง” ก็เริ่มเข้ามา “ล้วงลูก” ในพรรคสารพัด จนสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.ที่โดนข้ามหัวแบบไม่สน “หัวหงอก-หัวดำ”

โดยเฉพาะรายของ “เสี่ยเอิง” คณาพจน์ โจมฤทธิ์ เพื่อนสนิท ที่ตามติด “อุ๊งอิ๊ง” ไปทุกที่ ถือกระเป๋าให้เป็นเงาตามตัว ทริปล่าสุดที่ไปหา “พ่อษิณ” ที่สิงคโปร์ “เสี่ยเอิง” ก็ยังโผล่ไปด้วย นัยว่าเป็นคนในครอบครัว เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสามีของ “อุ๊งอิ๊ง”

คนในพรรคเพื่อไทยติดใจ “เสี่ยเอิง” ตั้งแต่ช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไทย และเป็นผู้อำนวยการโครงการ The Change Maker ทั้งที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เนื่องจากเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ

โดยในช่วงที่ทำโครงการ The Change Maker “คณาพจน์” พูดถึงการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทยบ่อยครั้ง จนระคายหู “คนเก่าแก่” ในพรรคพอสมควร

 สมชาย วงศ์สวัสดิ์
และในขณะที่เปิดพื้นที่ให้คนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทำงาน แต่ ส.ส.รุ่นใหม่หลายคนกลับถูกลดบทบาทลงไป ส.ส.ที่มีศักยภาพอย่าง “ส.ส.อิ่ม” ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. หรือ “ส.ส.น้ำ” จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กลับถูกเอาไปปั้น “แฟนด้อม” จับคู่จิ้นเป็น “คูมธี-คูมจิ” ที่ดูจะบดบังการทำหน้าที่ผู้แทนฯคุณภาพอยู่ไม่น้อย

บางกระแสก็ว่า การเข้ามาของ “อุ๊งอิ๊ง” ก็ทำให้เกิด “คลื่นใต้น้ำ” ต่อต้านพอสมควรว่า ที่สุดพรรคเพื่อไทยก็เปรียบเป็นเหมือน “ของเล่นลูกสาว”

อีกทั้ง “คนเพื่อไทย” เองก็หวั่นไหวไม่น้อยว่า การที่ “เจ้านาย” เดิมพันสูง ถึงขนาดเทหมดหน้าตัก ใช้ลูกสาวคนโปรดเป็นตัวชูโรงรอบนี้ หมุดหมายไม่พ้นภารกิจ “กลับบ้าน” ที่เคยพยายามามาหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ครั้งล่าสุดก็ทำเอาต้องสูญเสียอำนาจในช่วง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ทั้งที่ขณะนั้นรัฐบาลกำลังไปได้ดี

แม้ “แพทองธาร” จะออกตัวไว้ว่า เรื่องที่ “คุณพ่อ” จะกลับประเทศเป็นเพียงเรื่องส่วนตัวที่ตั้งใจจะกลับมาเลี้ยงหลานเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย และไม่ได้ถือเป็น “เรื่องสำคัญ” แต่ต้องโฟกัสที่การแก้ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ และปัญหาของประชาชนอย่างเร่งด่วนก่อน

แต่ใครก็รู้ว่าสไตล์ “นายใหญ่ดูไบ” อยากได้ ต้องได้ วันดีคืนดีสั่งการแบบ “พ.ร.บ.สุดซอย” ครั้งนั้นก็อาจทำให้ซวยกันหมด

ยิ่งหากเข้าเป้า “แลนด์สไลด์” ฟันคะแนนให้สิบกว่าล้านขึ้นไป เหมือนเคยทำได้ในอดีตได้จริง อะไรมาฉุดก็คงไม่อยู่ จะทำอะไรก็ได้ แอบอ้างเป็นฉันทามติคนไทยอยากให้พา “ทักษิณ” กลับบ้าน

วันนั้นวิกฤตทางการเมืองคงย้อนกลับมาอีกครั้ง

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ต้องย้อนถามไปถึง “ก๊วนลุง 3 ป.” ที่วันนี้ครองอำนาจอยู่ว่าจะแก้เกมอย่างไร

กับความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อว่าพร้อมเลือกตั้งวันนี้พรุ่งนี้ ผิดกับองคาพยพของ “3 ลุง” ที่ยังสะเปะสะปะ เต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนในแนวทางการเมือง อิรุงตุงนังกับนัดดินเนอร์แก้ปัญหาพรรคเล็ก-พรรคจิ๋ว ที่ไม่ควรให้ราคาทางการเมือง

วันนี้มีทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคเศรษฐกิจไทย พรรคไทยสร้างสรรค์ ไม่รู้ใครเป็นใคร ยังไม่ตกผลึกจะใช้ค่ายไหนในการลุยการเลือกตั้งรอบหน้า ขืนมาเล่นสูตร “แตกแบงก์พัน” กับบัตร 2 ใบ ก็เตรียมม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย

ว่ากันตามจริงเดิมพัน “3 ลุง” อาจสูงกว่า “ทักษิณ” ด้วยซ้ำ เพราะเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ต่างจากรถเที่ยวสุดท้าย หากตกขบวนอำนาจไป ทั้งคดีความ-โจทก์ใหม่เก่า ไล่เช็กบิลยาวเป็นหางว่าว คงไม่ได้อยู่บ้านเลี้ยงหลานสงบสุขเป็นแน่ ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ “3 ลุง” ต้องวางแผนให้ดีถ้าเกิด “แลนด์สไลด์” ขึ้นมากจริงๆ

ต่างจาก “หลานอิ๊ง” ที่หากไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง หรือไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็มี “ข้ออ้าง” เตรียมไว้อยู่แล้วถึงความไม่ยุติธรรมจาก “ฝ่ายกุมอำนาจ” ที่อย่างน้อยๆก็ยังมี 250 เสียง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะได้เลือกนายกฯ อีกอย่างน้อย 1 ครั้งขวางอยู่ ถ้าพลาดต้องกลายเป็น “ฝ่ายค้าน” ก็ถือว่าเป็นเวทีลองสนามที่ได้ประสบการณ์ทางการเมืองไปแบบเต็มๆ แถมยังได้โชว์ความสามารถอีกต่างหากและได้รับการยอมรับจาก “คนเพื่อไทย” แบบไร้ข้อกังขา

และในวัย 35 ย่างเข้า 36 ปี “ลูกอิ๊ง” ยังมีเวลาล้มลุกคลุกคลานอีกเยอะ

งานนี้เรียกว่า มีแต่ “วิน-วิน” สถานเดียว เพราะเปิด “สำรับไพ่” ดูแล้ว “แหม่มโพแดง” อย่าง “ลูกอิ๊ง” นั้น แรง! ชนิดที่ “พ่อแม้ว” ต้อง “เทหมดหน้าตัก” กันเลยทีเดียวเชียว.





กำลังโหลดความคิดเห็น