ความน่ากลัว 'โควิดสายพันธุ์อินเดีย' ลงปอดเร็ว แยงจมูกไม่เจอ

ความน่ากลัว 'โควิดสายพันธุ์อินเดีย' ลงปอดเร็ว แยงจมูกไม่เจอ

น่ากลัวกว่าที่คิด "โควิดสายพันธุ์อินเดีย" แยงจมูกไม่เจอ ลงปอดเร็ว อาจมีปัญหากับวัคซีน

จากกรณี ศบค. รายงานการพบคนงานติดโควิด 19 ที่แคมป์หลักสี่ และมีคนงานติดโควิดสายพันธุ์อินเดียหรือ B 1.1617.2 ตอนนี้อยู่ระหว่างการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งทีมสอบสวนโรคจะเร่งเข้าไปควบคุมการแพร่เชื้อนั้น

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างที่ส่งมาจากแค้มป์คนงานก่อสร้าง และบริเวณใกล้เคียง จำนวน 80 ตัวอย่าง พบว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) จำนวน 36 ราย เป็นคนไทย 21 ราย คนงานชาวพม่า 10 ราย และกัมพูชา 5 ราย ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) และยังมีตัวอย่างจากการค้นหาเชิงรุก จากพื้นที่อื่นใน กทม.อีก 2 แห่ง แต่พบเป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด

ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทย เชื้อที่พบจะเป็นสายพันธุ์อังกฤษ 87% เพิ่งตรวจพบสายพันธุ์อินเดีย และจะได้ขยายการนำตัวอย่างจากคลัสเตอร์อื่นๆ มาตรวจรหัสพันธุกรรม เพื่อดูการกระจายตัวต่อไป จากข้อมูล ของ Public Health England พบว่าสายพันธุ์อินเดียมีการแพร่กระจายได้ค่อนข้างรวดเร็วคล้ายกับสายพันธุ์อังกฤษแต่ยังไม่พบหลักฐานที่มีผลต่อความรุนแรง หรืออัตราการเสียชีวิตและยังตอบสนองต่อวัคซีนได้อยู่ จึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป

ขณะที่ ศ. นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย ดังนี้

1. เชื้อชอบลงลึกในปอด แยงจมูกไม่เจอ
2. กระบวนการตรวจ พีซีอาร์ อาจจับได้ไม่หมด เพราะรหัสพันธุกรรมเพี้ยน
ดังนั้น ถ้าแพร่ไป อาจมีปัญหากับวัคซีน ขณะนี้ทั้งหมด การคัดกรองที่เร็วที่สุด คือการตรวจเลือดว่าติดเชื้อหรือไม่ เช่นตรวจด้วย อีไลซ่า รพ. มากมายมี และ ทำง่ายกว่า การแยงจมูก พีซีอาร์ ถ้าตรวจเลือดเป็นบวกโดยยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แยกตัวทันทีจากคนอื่นและกักตัว 14 วัน ทั้งนี้โดยที่จะแยงจมูกต่อหรือไม่ก็ตามแต่ นั่นก็คือคัดกรองเร็วที่สุดแล้วแยกตัวเร็วที่สุด