ทำเนียบขาวต้อนรับ “วิลโลว์” แมวเหมียวประธานาธิบดี

ทำเนียบขาวต้อนรับ “วิลโลว์” แมวเหมียวประธานาธิบดี

ทำเนียบขาวต้อนรับ“วิลโลว์” แมวเพศเมียอายุสองปี สีเทา-ขาว ตาสีเขียว เข้าเป็นสมาชิกใหม่ของทำเนียบประธานาธิบดี ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ครอบครัวท่านผู้นำต่อสาธารณชน ในช่วงที่"ไบเดน"กำลังเจอมรสุมการเมืองรุมเร้า

"ไมเคิล ลาโรซา" โฆษกประจำตัวของ"จิล ไบเดน" สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ เปิดเผยว่า ตอนนี้เจ้าวิลโลว์กำลังปรับตัวเพื่อให้เข้ากับบ้านหลังใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้จัดเตรียมของเล่น ขนม และพื้นที่ให้มันอย่างเต็มที่เพื่อให้ทำหน้าที่แมวประจำทำเนียบขาว

โฆษกของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ กล่าวว่า  วิลโลว์ ได้ชื่อมาจากบ้านเกิดของนางไบเดนคือ "วิลโลว์โกรฟ" รัฐเพนซิลเวเนีย และมันรู้จักกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมื่อครั้งที่เธอเดินทางไปปราศรัยหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อปี 2563 ตอนนั้นเจ้าวิลโลว์กระโดดขึ้นไปบนเวที จากนั้นเจ้าของโรงนาที่มันอาศัยอยู่ก็ยกมันให้เธอ

ในส่วนของทำเนียบขาว ไม่มีแมวอาศัยอยู่มาตั้งแต่แมวของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชที่ชื่ออินเดียตายไปเมื่อเดือนม.ค. ปี 2552 ก่อนที่อดีตประธานาธิบดีจะหมดวาระในการดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน  และก่อนหน้านั้น เคยมีแมวของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ชื่อ “ซ็อคส์”อาศัยที่ทำเนียบขาว

"สเตซีย์ คอร์เดอรี" อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์และความเป็นผู้นำจากมหาวิทยาลัยดิกคินสัน สเตท ให้ความเห็นว่า การเปิดประตูต้อนรับสัตว์เลี้ยงถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับทุกครอบครัวไม่เฉพาะครอบครัวประธานาธิบดี และการมีทั้งสุนัขและแมวของตระกูลไบเดน เข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงประจำทำเนียบขาวจะยิ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของครอบครัวนี้ต่อสาธารณชน ในขณะที่ผู้นำสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาทางการเมืองหลายด้าน

นอกจากนี้ อาจารย์คอร์เดอรี ยังกล่าวว่า ตระกูลไบเดนนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง เพื่อทำให้ทำเนียบขาวดูเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงในทำเนียบขาวเลย

ขณะที่นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า สักวันหนึ่งเจ้าวิลโลว์อาจจะเดินเข้ามาอวดโฉมในช่วงที่เธอแถลงข่าว พร้อมติดแฮชแทกในทวีตข้อความว่า #COTUS ซึ่งย่อมาจาก “Cat of the United States” หรือ “แมวของสหรัฐฯ”

 อย่างไรก็ตาม เจ้าวิลโลว์มาเป็นสัตว์เลี้ยงประจำทำเนียขาวในช่วงที่ประธานาธิบดีไบเดน บริหารประเทศไม่ถูกใจชาวอเมริกันส่วนใหญ่ โดยผลสำรวจของ CNBC/Change Research ช่วงต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า คะแนนความไม่พอใจของชาวอเมริกันต่อการทำงานของประธานาธิบดีไบเดนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธ.ค.2564 โดยมีการมองว่าปธน.ไบเดนประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

ผู้ถูกสำรวจจำนวน 56% ไม่พึงพอใจต่อการทำงานของปธน.ไบเดน ซึ่งเป็นตัวเลขย่ำแย่ที่สุดของปธน.ไบเดนก่อนที่เขาจะครบรอบ 1 ปีแรกของการทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

ผลสำรวจก่อนหน้านี้ในเดือนเม.ย.และก.ย.ปีที่แล้ว ก็แสดงจำนวนผู้ที่ไม่พึงพอใจอยู่ที่ระดับ 49% และ 54% ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจล่าสุดยังบ่งชี้ว่า ผู้ที่พึงพอใจต่อการทำงานของปธน.ไบเดนมีจำนวน 44% ลดลงจากผลสำรวจในเดือนเม.ย.และก.ย.ปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 51% และ 46% ตามลำดับ