เอาไม่อยู่!มาเลย์ล็อกดาวน์ทั่วประเทศหลังโควิดพุ่งไม่หยุด

เอาไม่อยู่!มาเลย์ล็อกดาวน์ทั่วประเทศหลังโควิดพุ่งไม่หยุด

นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ออกแถลงการณ์ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศระหว่างวันที่ 1-14 มิ.ย. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียเปิดเผยเมื่อวันศุกร์(28พ.ค.)ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 8,290 ราย ซึ่งเป็นการทำสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 549,514 ราย

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 61 ราย สู่ระดับ 2,552 ราย

นายยัสซินกล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าวจะจำกัดกิจกรรมทั่วประเทศ โดยจะมีเพียงภาคเศรษฐกิจและบริการที่มีความจำเป็นเท่านั้นที่จะสามารถดำเนินการต่อไปได้

"การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่แต่ละวันมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 8,000 ราย และขณะนี้มาเลเซียมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวมแล้ว 2,552 ราย ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และการที่มีไวรัสกลายพันธุ์ซึ่งทำให้การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้มีการตัดสินใจในวันนี้" แถลงการณ์ของนายยัสซินระบุ

ข้อมูลจาก Our World in Data ระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันของมาเลเซียได้พุ่งแซงหน้าอินเดียแล้ว หากพิจารณาจากเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 7 วันต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคน

ขณะนี้ อินเดียมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวนกว่า 27.5 ล้านคน โดยสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรายวันจำนวนหลายแสนคน ส่วนมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 549,000 คน โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 8,000 คน

หากใช้เกณฑ์พิจารณาตัวเลขค่าเฉลี่ย 7 วันต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคน พบว่า มาเลเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่าอินเดียนับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขล่าสุดในวันอังคารพบว่า มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันจำนวน 205.1 คนตามเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 7 วันต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคน เทียบกับอินเดียที่ระดับ 150.4 คน

ทั้งนี้ มาเลเซียมีประชากรจำนวน 32 ล้านคน เทียบกับอินเดียซึ่งมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน

นอกจากนี้ Our World in Data ยังเปิดเผยว่า หากพิจารณาเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 7 วันต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคน พบว่ามาเลเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่าอินเดียในระหว่างวันที่ 15 พ.ย.2563 ถึงวันที่ 27 มี.ค.2564