เตรียม 'ล็อกดาวน์' ! ประเมินกลาง ก.ค.หากยอด 'โควิด-19' ไม่ลด

เตรียม 'ล็อกดาวน์' ! ประเมินกลาง ก.ค.หากยอด 'โควิด-19' ไม่ลด

“ล็อกดาวน์” หรือไม่ !? ที่ปรึกษาศบค.เผยรอประเมิน11-12 ก.ค.นี้ หากยอดติด "โควิด-19" ไม่ลด ไม่มีทางอื่นนอกจากยกระดับมาตรการ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ก.ค. 2564  ในการแถลงข่าวประเด็นวัคซีนโควิด-19 มีการถามถึงขณะนี้เข้าสู่ระลอก 4 หรือไม่  ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กล่าวว่า เรื่องนี้ยังมีความเห็นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ส่วนตัวถือว่าเป็นระลอก 4 แล้ว เพราะเป็นไวรัสตัวใหม่กลายพันธุ์ กำลังจะเป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) มีพฤติกรรมไม่เหมือนเดิม ส่วนคุณสมบัติสำคัญที่บอกเป็นระลอก 4 คือ การแพร่ระบาดในชุมชน ครอบครัว องค์กร หาที่มาที่ไปไม่ได้ เท่ากับคำจำกัดความเกิดเป็นระลอกใหม่

ผู้ติดเชื้อตัวเลขขึ้น 5-6 พันราย ถือเป็นระลอก 4 แล้ว ส่วนจะจบเมื่อไหร่ เมื่อยกระดับมาตรการแล้ว แต่ยังไม่สูงสุด ตอนนี้เป็นแค่กึ่ง ล็อกดาวน์ กว่าจะเห็นผล 14 วันตามระยะเวลาฟักตัวของไวรัส ต้องหลัง 14 วันไปก่อนถึงจะเริ่มเห็นผล ซึ่งจะครบช่วงวันที่ 11-12 ก.ค.และจะประเมินว่าเป็นอย่างไร ซึ่้งถ้าจะไม่ให้มากเกินกำลังบุคลากรสาธารณสุข ทั้งเตียง ยา ต่างๆ  ต้องการเห็นตัวเลขไม่เกิน 500-1,000 วัน

     

 

 

“ตอนนี้บอกตรงๆ ว่าสู้ไม่ไหว ต้องช่วยกัน คือเพิ่มมาตรการด้านสาธารณสุข มาตรการส่วนบุคคล และมาตรการสังคมมากกว่านี้ และเร่งฉีดวัคซีน 2 เข็มให้มากที่สุดเกิน 70% ของประชากรให้ได้ ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญ”ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดมกล่าว

เมื่อถามว่ามาตรการตอนนี้เพียงพอหรือไม่ ต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติม ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม กล่าวว่า  ดูตอนนี้ยังบอกไม่ได้  แต่จะประเมินในช่วง 15 วัน และ 30 วัน เชื่อว่าการติดเชื้อโควิด-19 อาจจะลงบ้าง แต่อาจยังอยู่ในระดับ 3-4 พันก็ยังเกินที่จะรับไหว สิ่งสำคัญต้องลดการเคลื่อนย้ายของคน เพราะเชื้อโรคไปเองไม่ได้ ต้องไปกับคน คนพาไป ถึงไม่อยากให้เคลื่อนย้าย ให้อยู่กับบ้าน ต้อง Work From Home 75% ซึ่งตอนนี้ยังทำไม่ถึง 50% ต้องไม่ไปตลาด ศูนย์การค้า แต่คนยังไปกันมาก ยังออกต่างจังหวัด ตรงนี้ต้องช่วยกัน ไม่นำเชื้อไปแพร่คนอื่น ถ้ายังทำไม่ได้ ไม่มีทางอื่น ต้องยกระดับมาตรการต้องล็อกดาวน์เหมือน เม.ย. 2563 ที่ระบาดไม่กี่ร้อยคนทำแล้วคุมอยู่

      

ตอนนี้ต้องบอกว่าช้าไปหน่อยแล้ว เราให้เวลา 2-3 เดือนยังคุมไม่ได้ ตอนนี้ขึ้นกับความร่วมมือของประชาชนที่ต้องช่วยกัน ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด ยกระดับสูงสุด ต้องคิดว่าคนที่ไปเจอ ทั้งคนในครอบครัวที่บ้าน ซึ่งบางส่วนออกไปทำงาน เสมือนเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีอาการ และอาจติดได้ และเราอาจไปแพร่เชื้อต่อ ต้องเข้มมาตรการส่วนบุคคล องค์กร และมาตรการสังคม โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายเดินทาง ล็อกดาวน์ และใช้ Work From Home ตัวเลขถึงจะควบคุมได้

“ก็ดูรอบด้าน เรื่องเศรษฐกิจก็รู้ว่าตอนนี้คนอดตายจริงๆ แต่เงินหาใหม่ได้ ชีวิตคนหาใหม่ไม่ได้ ลองคิดดูว่า 50-60 คนที่เสียชีวิตทุกวันและจะมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรับไม่ได้ เพราะ 1คนก็ไม่อยากให้ตาย ต้องปกป้องคนไม่ให้ตายก่อน นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด และคิดว่ายอมเจ็บให้สั้นๆ แล้วจบ พูดในที่ประชุมว่าถ้าเราไม่ยอมเจ็บ แต่โรคระบาดยังอยู่ถามว่าแล้วเศรษฐกิจเดินได้หรือไม่ ก็เดินไม่ได้ ไม่มีทางเดินได้อยู่ดี คนยังป่วยมหาศาล กำลังบุคลากรสาธารณสุขไม่เพียงพอ เตียงก็ไม่เพียงพอ มีคนตายวันละ 50-60 คนทุกวัน จะขึ้นไปเป็นวันละ 100 คน เจ็บด้วย จนด้วย ตายด้วย ผมเลือกอันแรกให้มันเจ็บสั้นๆ แล้วให้จบ” ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดมกล่าว