‘หุ้นแบงก์’ ไตรมาส 2 กำไรแผ่ว ลุ้นฟื้นตัวครึ่งหลัง

‘หุ้นแบงก์’ ไตรมาส 2 กำไรแผ่ว ลุ้นฟื้นตัวครึ่งหลัง

“บล.ยูโอบี” เผยกำไรแบงก์ไตรมาส 2 ปี 64 (ไม่รวมกรุงศรี) ลดลงเทียบไตรมาส 1 ปี 64 เหตุโควิดรอบ 3 กดดัน แจงธปท.ไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล การันตีฐานะการเงินแข็งแกร่ง “บล.เอเซีย พลัส” ชี้แวลูเอชั่นไม่แพง แนะซื้อรับปันผลระหว่างกาล-การฟื้นตัวครึ่งหลัง

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดกำไรไตรมาส 2 ปี 2564 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์เติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสแรก โดยหลักมาจากปัจจัยหนุนที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY รับรู้กำไรพิเศษจากการเสนอขายหุ้น บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษของ BAY คาดว่ากำไรกลุ่มจะแผ่วลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก จากผลกระทบโควิด-19 รอบ 3 แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนคาดว่ากำไรจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากที่ไตรมาส 2 ของปี 2563 ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เต็มไตรมาส

ขณะที่ภาระการตั้งสำรองหนี้ในไตรมาส 2 ปี 2564 คาดว่าจะลดลงจากไตรมาสแรก แม้ว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของระบบธนาคารพาณิชย์จะมีแนวโน้มปรับขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสล่าสุดที่ 3.1% เพราะการระบาดของโควิด-19 แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขยายมาตรการจัดชั้นหนี้เดิมออกไปถึง 31 ธ.ค.2564 ส่งผลให้กลุ่มธนาคารมีภาระการตั้งสำรองลดลง

ส่วนแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นจากครึ่งปีแรก เพราะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภายหลังการกระจายวัคซีนโควิด-19 และการเปิดประเทศ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากที่ ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาขยายระยะเวลาปรับลดต้นทุนเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) รวมถึงส่งสัญญาณอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์กลับมาจ่ายปันผลงวดปี 2564 ได้ตามปกติ

โดยฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรกลุ่มธนาคารปี 2564 และปี 2565 มีโอกาสเติบโตมากกว่าประมาณการที่ 14% และ 25% ตามลำดับ จึงปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” (Overweight) โดยเลือก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) เป็นหุ้นเด่น

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า คาดการณ์กำไรไตรมาส 2 ปี 2564 ของกลุ่มธนาคารลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก เพราะถูกผลกระทบจากโควิด-19 เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงมีความเสี่ยงที่ภาระการตั้งสำรองหนี้ที่สูงขึ้นเพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต อย่างไรก็ดี หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนคาดว่ากำไรจะเติบโตได้ดี โดยเฉพาะ BBL และ KBANK ที่ตั้งสำรองสูงในช่วงเดียวกันปีก่อนเพื่อรับมือโควิด-19

อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยยังแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะมูลค่า (Valuation) ค่อนข้างถูก สะท้อนจากอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV Ratio) ที่ค่อนข้างต่ำที่ 0.6-0.7 เท่า แม้ว่าราคาหุ้นในวันปิดทำการล่าสุด (11 มิ.ย.) จะทยอยปรับขึ้นตอบรับข่าวเชิงบวกที่ ธปท.อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล แต่ยังสามารถลงทุนในระยะกลาง-ยาวเพื่อรับเงินปันผลระหว่างกาลและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่า KBANK SCB BBL และ BAY จะมีอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) ระหว่างกาลที่ 1% และ KKP ที่ 2%