ก้าวหน้าเพื่อมนุษยชาติ | วรากรณ์ สามโกเศศ

ก้าวหน้าเพื่อมนุษยชาติ | วรากรณ์ สามโกเศศ

“ค้นพบยาทำให้หนุ่ม-สาวขึ้น” “สามารถตรวจมะเร็ง 13 ชนิดได้อย่างง่ายดาย” และ “ผลิตน้ำดื่มจากอากาศ” สามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ถือได้ว่าเป็นข่าวดีมากสำหรับมนุษยชาติ

สารที่เรียกว่า NAD (Nicotinamide  adenine dinucleotide)  ซึ่งทำให้เซลล์ของสัตว์เสื่อมช้าลงหรือแม้แต่ทำให้มันหนุ่มขึ้นดังเป็นที่รู้จักกันดีในโลกตะวันตกนั้นพัฒนามายาวนานตั้งแต่ ค.ศ. 1906  ถึง ค.ศ. 2016  จนก้าวหน้าเป็นสารหรือยาที่คนมีเงินในสหรัฐอเมริกาบริโภคกัน    ที่เป็นข่าวขึ้นมาก็เพราะว่าในประเทศไทยมีการต่อยอดยาย้อนวัยซึ่งเข้าใจว่าเกี่ยวพันกับสารตระกูลนี้โดยสามารถทำให้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
        สารหรือยาย้อนวัยของไทยมีชื่อเรียกง่าย ๆ ว่า “มณีแดง”   ย่อมาจาก REjuvenating DNA by GEnomic stability Molecules (RED-GEMs หรือมณีแดง)    หัวหน้าคณะนักวิจัยคือ ศ.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร  แห่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และทีมงานเป็นผู้พบโมเลกุล “มณีแดง”
        ทีมวิจัยนี้พบว่าเมื่อฉีด ยาย้อนวัย “มณีแดง” เข้าไปในหนู (หนูจริง ๆ ไม่ใช่หนูปากแดง) ที่ชราก็พบว่าทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวขึ้น  โดยไปช่วยให้เซลล์มีการเสื่อมช้าลงหรือแม้แต่ทำให้มีสภาพที่แข็งแรงขึ้นในเวลาอีก 5 ปี คาดว่าจะทดลองในสัตว์ใหญ่ขึ้น เช่น   สุนัข    ลิง   และต่อไปคือคน    

ทีมวิจัยมองไปไกลกว่าเรื่องทำให้หนุ่ม-สาวขึ้น   กล่าวคือพิจารณาศักยภาพของ "มณีแดง” ในการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น   เบาหวาน     มะเร็ง     อัลไซเมอร์      เส้นเลือดแข็ง      ความดันโลหิตสูง     ความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ      ตลอดจนรักษาแผล   ป้องกันมะเร็ง     ฯลฯ    “มณีแดง” อาจเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัยของโลกก็เป็นได้
        งานวิจัยชิ้นที่สอง   ผู้เขียนติดตามมาหลายปีหลังจาก โตชิบา (Toshiba) ออกข่าวมาว่าได้ค้นพบเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถตรวจคัดกรองมะเร็งได้ถึง 13 ชนิด แม่นยำ  99%  ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ล่าสุดพบว่าโครงการนี้เดินหน้าต่อไปถึงขั้นการตรวจสอบขั้นสุดท้ายว่ามีความแม่นยำจริง  และเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงสมคำอ้าง
          มนุษย์มี micro RNA อยู่ประมาณ 2,500 ชนิด ในเลือด   การตรวจมะเร็งกระทำโดยตรวจความเข้มข้นของชนิดต่างๆของ micro RNA การปรากฏตัวของเซลล์มะเร็งชนิดหนึ่งก็จะเพิ่มระดับของ micro RNA  ชุดหนึ่ง ดังนั้นจึงสามารถตรวจว่าเป็นมะเร็งชนิดใดหรือไม่เป็นได้จากการเจาะเลือดเพียงหยดเดียวเพื่อดูระดับของ micro RNA และเอาไปเปรียบเทียบแบบแผนของการเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งและความเข้มข้นของ micro RNA ชุดนั้น ๆ โดยชิปของ Toshiba จะเป็นผู้ทำหน้าที่นี้
        มะเร็ง 13 ชนิดครอบคลุมมะเร็งที่คร่าชีวิตคนมากที่สุด  เช่น  มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งสมอง  มะเร็งลำไส้ใหญ่  มะเร็งมดลูก    ฯลฯ     การตรวจพบมะเร็งในขั้นต้นนั้นทำให้สามารถรอดชีวิตในอัตราที่สูงมากในปัจจุบัน  การค้นพบนี้จึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง  ตัวอย่างเช่นมะเร็งปอด  หากพบขั้นสองมีโอกาสอยู่รอด 5 ปีสูงถึง 60%  และสำหรับขั้น 0 คือแรกสุดนั้นโอกาสคือ 97%

ข้อมูลของ WHO (องค์การอนามัยโลก)  ระบุว่ามะเร็งเป็นสาเหตุสำคัญของการตายในระดับโลก โดยอันดับหนึ่งคือโรคหัวใจ     สองคือสโตรกหรือหลอดเลือดสมองอุดตัน      สามคือโรคเรื้อรังทางเดินหายใจมีอุปสรรค      สี่คือโรคทางเดินหายใจช่วงล่าง       ห้าโรคพิการแต่กำเนิด  หกมะเร็งปอด เจ็ดอัลไซเมอร์       แปดโรคท้องร่วง       เก้าโรคเบาหวาน   และสิบโรคไต
    สำหรับญี่ปุ่นนั้นตั้งแต่ ค.ศ. 1981  มีคนเป็นโรคมะเร็งขึ้นมาก  ในปัจจุบัน ความเป็นไปได้ของการเป็นมะเร็งในจุดหนึ่งของชีวิตคือ 62%  สำหรับชาย  และ 47% สำหรับหญิง  
        ชิ้นที่สามเป็นเรื่องของการเปลี่ยน "ความชื้น" ในอากาศให้เป็น "น้ำดื่ม"  ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห้งแล้งใดก็ตามตราบที่มีความชื้นเกินกว่า 20%     ทีมนักวิจัยของ MIT ได้ศึกษาเรื่องนี้มายาวนาน  และบัดนี้สามารถผลิตน้ำดื่มได้จากที่แห้งแล้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์
        การมีหยดน้ำอยู่นอกแก้วน้ำเย็นคือการยืนยันของการเปลี่ยนความชื้นหรือละอองน้ำเล็ก ๆ ในอากาศที่มองไม่เห็นให้เป็นน้ำด้วยอุณหภูมิที่แตกต่างกัน     วิธีการก็คือหาวัสดุที่ดูดซับความชื้นในอากาศได้อย่างดีมากในเวลากลางคืน และแปรเปลี่ยนมาเป็นน้ำในเวลากลางวัน
        ทีมวิจัย MIT ใช้วัสดุดูดความชื้นที่มีชื่อว่า Zeolite (ทำจากแร่ธาตุผสมโลหะและอลูมิเนียมฟอสเฟต)     ดูดความชื้นตอนกลางคืนที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า     เมื่อถึงเวลากลางวันละอองไอน้ำก็จะถูกปล่อยออกมาและทำให้เป็นหยดน้ำด้วยความเย็น     พลังงานที่ใช้ก็มาจากแสงอาทิตย์ทั้งหมด     ขณะนี้สามารถผลิตน้ำสะอาดได้ 0.8 ลิตรต่อ 1 ตารางเมตรของพื้นที่ผิวโซลาเซลล์ต่อวัน    เชื่อว่าต่อไปจะสามารถผลิตได้มากกว่านี้อีกหลายเท่า
        ทั้งสามความก้าวหน้าจะเป็นผลดีอย่างมากต่อมนุษยชาติ      ที่ชัดเจนที่สุดคือการลดความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย   ความไม่แน่นอนของชีวิต  และการความขาดแคลนน้ำสะอาด  มนุษย์ในปัจจุบันเป็นคนที่โชคดีเป็นที่สุดในจำนวนประมาณ 7,500 ชั่วคนนับตั้งแต่เรามีลักษณะหน้าตาเหมือนมนุษย์ปัจจุบันเมื่อ 150,000 ปีก่อน  เราควรใคร่ครวญตระหนักในความโชคดีและรับผิดชอบโลกใบนี้กันยิ่งขึ้น.