เพนตากอนชี้รัสเซียจวนใกล้หมด “จรวดนำวิถีแม่นยำสูง” เป่าปากเฟี้ยว! อดีตทหารสหรัฐฯ โผล่รบแนวหน้ายูเครน “โชว์พาสปอร์ต” แสดงตัวชัด

เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - เพนตากอนเปิดเผยเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ว่า รัสเซียจวนใกล้ไม่มีจรวดนำวิถีแม่นยำสูงใช้ ขณะที่พบว่าอัตราความล้มเหลวสูงถึง 60% ด้านเคียฟขอความช่วยเหลือจากวอชิงตันเพิ่ม ต้องการจาวาลินเพิ่ม 500 ลูกต่อวัน และสติงเจอร์ 500 ลูกต่อวัน ฮือฮา! อดีตทหารสหรัฐฯ ปรากฏตัวแนวรบแถวหน้ายูเครน เรียกเสียงต้อนรับแสดงความยินดีจากชาวยูเครน ชี้ไปรบด้วยใจรัก ออกเองทุกอย่างแม้กระทั่งกระสุน

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (25 มี.ค.) ว่า แหล่งข่าวระดับสูงกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยล่าสุดในวันพฤหัสบดี (24) ว่า รัสเซียกำลังที่จะไม่มีจรวดนำวิถีแม่นยำสูงใช้อีกต่อไป และคงจะพึ่งพาแต่ระเบิดซ้อม (dumb bombs) และพวกกระสุนปืนใหญ่

คอลิน คาห์ล (Colin Kahl) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมด้านนโยบาย เขาเชื่อว่าประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ไม่ต้องการใช้ทุกสิ่งในความขัดแย้งกับนาโต้

ทั้งนี้ ก่อนหน้าแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 3 คนได้ออกมาเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า รัสเซียดูเหมือนแสดงอัตราความล้มเหลวสูงถึง 60% ระหว่างการสู้รบในยูเครนสำหรับจรวดนำวิถีแม่นยำสูง พร้อมกับเสริมว่า กองกำลังพลรัสเซียสูญเสียเพิ่มมากขึ้น และมีปัญหาขาดแคลนยุทธปัจจัย

แต่เดิมบรรดานักวิเคราะห์เคยออกมาชี้ว่า รัสเซียจะสามารถประสบชัยชนะเหนือยูเครนได้โดยง่าย แต่ทว่าครบรอบ 1 เดือนของการบุกยึดกลับพบว่าฝ่ายเครมลินยังไม่สามารถยึดเมืองใหญ่หลายๆ เมืองในยูเครนได้ถึงแม้ฝ่ายรัสเซียจะถล่มยูเครนอย่างหนัก คอนวอยยานยนต์หุ้มเกราะไม่สามารถเคลื่อนได้นานนับสัปดาห์ค้างอยู่ใกล้กรุงเคียฟ และทางภาคตะวันออกของยูเครน และในเวลานี้ฝ่ายเคียฟเปิดเผยว่าได้เปลี่ยนแนวรบจากการตั้งรับเป็นการรุกคืบเพื่อผลักดันฝ่ายรัสเซียออกไป

CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเคียฟได้ยื่นรายชื่อยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นที่ต้องการร้องขอการสนับสนุนจากวอชิงตันที่ดูเหมือนว่ามีความต้องการใช้จรวดต่อต้านอากาศยาน และจรวดต่อต้านรถถังเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายเคียฟเปิดเผยว่า ในแต่ละวันของการสู้รบต้องใช้จาวาลิน 500 ลูก และสติงเจอร์ 500 ลูกสำหรับรับมือกับรัสเซีย

ซึ่งมาจนถึงวันที่ 7 มี.ค.พบว่า กองกำลังฝ่ายนาโต้ รวมสหรัฐฯ ได้ส่งมอบจรวดต่อต้านรถถังไปแล้วกว่า 17,000 ลูก และจรวดต่อต้านอากาศยานอีก 2,000 ลูกไปให้ยูเครน

การสู้รบที่ยังคงยืดเยื้อและกลายเป็นสีสันเมื่อมีวิดีโอคลิปเผยแพร่ไปทั่วโลก เดอะการ์เดียนรายงานว่า มีเสียงฮือฮาจากโซเชียลมีเดียในวันพฤหัสบดี (24) เป็นคลิปแสดงภาพอดีตทหารสหรัฐฯ ในชุดเครื่องแบบทำสงครามพร้อมแว่นตากันแดดเรย์แบนสีดำ ถือปืนปรากฏตัวอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เป็นแนวหน้าที่ฝ่ายยูเครนสามารถยึดกลับคืนมาได้สำเร็จ

โดยในคลิปแรกพบว่า อดีตทหารอเมริกันกำลังยืนอยู่ด้านหน้ารถถังรัสเซียที่กลายเป็นซากสีดำให้เห็นจากด้านหลัง และหลังกล้องมีเสียงชาวยูเครนตะโกนออกมาว่า “ขอต้อนรับสู่อเมริกา!” และฝ่ายอเมริกันตอบกลับไปอย่างครื้นเครงด้วยประโยคเดียวกัน

ขณะที่คลิปอีกชิ้นที่ถูกโพสต์โดยอดีตทหารสหรัฐฯ อีกนายที่เปิดเผยตัวคือ เจมส์ วาสเกซ (James Vasquez) ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ ในรัฐคอนเนกติกัต ซึ่งจากคลิปพบว่า ทหารรายนี้มีการพูดออกมาเป็นสำเนียงแอกเซนอเมริกัน โดยในทวิตเตอร์เปิดเผยว่า เขาเดินทางมาถึงโปแลนด์เมื่อวันที่ 15 มี.ค. และข้ามพรมแดนเข้ายูเครนในวันถัดไป เขาเดินทางมาพร้อมกับโดรนสอดแนมจำนวนหนึ่ง และตัวเขาถูกส่งไปแนวหน้าจากเมืองลวิฟ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.

โดยในคลิปที่โพสต์ขึ้นวันศุกร์ (25) วาสเกซเปิดเผยว่า “หมู่บ้านแห่งนี้ถูกพวกรัสเซียยึดมานานร่วม 1 เดือน คนเหล่านี้ทำให้ชาวหมู่บ้านหวาดกลัวและเอาอาหารของพวกเขาไป วันนี้พวกเราเดินทางมาถึงและทำลายรถถังไป 7 คัน รวมไปถึงทหารรัสเซียอีกนับไม่ถ้วนและปลดปล่อยคนเหล่านี้ออกมาเป็นอิสระ”

เขาเปิดเผยต่อว่า ในการผ่านไปในแต่ละจุดในยูเครนต้องเจอจุดตรวจและทำให้วาสเกซต้องแสดงหลักฐานเป็นหนังสือเดินทางสหรัฐฯ ของตัวเองและได้รับการต้อนรับเปิดทางให้ผ่านไปได้โดยดี โดยวาสเกซแสดงความเห็นว่า เป็นเพราะชาวยูเครนรู้สึกยินดีที่ได้เห็นอเมริกันมาปรากฏตัวที่นี่

ในการโพสต์ที่นอกจากแสดงความเห็นในสิ่งที่ได้พบระหว่างทาง เป็นต้นว่า เห็นสุนัขสัตว์เลี้ยงในยูเครนจำนวนมากที่พิการและมีแค่ 3 ขา วาสเกซโพสต์ข้อความเมื่อวานนี้ (24) ว่า เขาต้องการเสบียงเพิ่มจึงเดินทางออกไปพร้อมกับเพื่อนทหารอังกฤษ และต้องแปลกใจที่เห็นประตูร้านกีฬาล่าสัตว์เปิดอยู่ แต่เข้าใจได้ในท้ายที่สุดเพราะในร้านมีห้องใต้ดินเป็นบังเกอร์หลบระเบิดได้ ซึ่งเขาต้องการกล้อง 2 ตาสำหรับมองทางไกล และรู้สึกยินดีที่ได้เห็นเขาที่ร้านจึงมอบให้โดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย

ในคลิปเขายังกล่าวอีกว่า มีคนถามเข้ามามากเรื่องความต้องการแสดงการสนับสนุนทางการเงินแต่เขาปฏิเสธ โดยชี้ไปว่าทุกสิ่งทำไปด้วยใจ เขามีธุรกิจขนาดเล็กของตัวเองและอาสาเดินทางเข้ายูเครนเอง ออกค่าอาหาร แม้กระทั่งค่ากระสุนที่ใช้ยิงด้วยเงินจากกระเป๋าของตัวเอง