แกะรอย ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ จากบ้าน ‘ป๋าเปรม’ สู่รั้ว ‘กองทัพ-ตำรวจ’

แกะรอย ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ จากบ้าน ‘ป๋าเปรม’ สู่รั้ว ‘กองทัพ-ตำรวจ’

การปรากฎตัวของ ประสิทธ์ เจียวก๊ก ในหน่วยทหาร มีอยู่สองสถานะคือ ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน และ วิทยากรจิตอาสาพระราชทาน จึงปรากฎภาพ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผบ.ทบ. พบปะพูดคุยและถ่ายภาพหมู่ในงานครบรอบ 65 ปีวันสถาปนา ร.31 รอ. จ.ลพบุรี เมื่อปี 2563

"บ้านพักสี่เสาเทเวศร์” ที่พำนักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ที่นำไปสร้างโปรไฟล์ให้กับ "โครงการคืนคุณแผ่นดิน" หวังเรียกความน่าเชื่อถือจากคนในแวดวง ‘ทหาร -ตำรวจ’ ที่เปรียบเสมือนใบผ่านจนสามารถเข้านอกออกในกองทัพได้อย่างเสรี

หากแกะรอยตามคำบอกกล่าวของ “พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์” อดีตหัวหน้าสำนักงาน พล.อ.เปรม ที่ได้พูดถึง ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’

ประธานโครงการ “คืนคุณแผ่นดิน” ซึ่งเป็นองค์กรที่สนับสนุนกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งขณะนี้สถานะของเขา ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกง ก็จะพบข้อมูลอินไซด์ ชวนเซอร์ไพรส์อีกด้าน

พล.อ.พิศณุ เปิดเผยว่า ได้เจอกันครั้งแรกที่สำนักงานภายในบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ โดย ประสิทธ์ เจียวก๊ก เดินทางมาพบพร้อม กับผู้ผลิตรายการสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เพื่อขอเข้าไปติดตาม “โครงการสานใจไทย สู่ใจใต้” เพื่อนำไปเผยแพร่ทางทีวี แต่ตอนหลังผู้ผลิตรายการสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าวได้กระซิบบอกว่าเลิกทำรายการกับประสิทธ์ เจียวก๊ก แล้ว เนื่องจากพบพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ

จากนั้นไม่นาน ประสิทธิ์ เจียวก๊ก มาขอพบตนอีกครั้งเพื่อขอเข้าพบ ‘พล.อ.เปรม’ โดยเล่าว่า เขาเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดกระบี่ที่ประสบความสำเร็จ และอยากจะทำโครงการที่ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

ตนจึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปที่ “นายทรงพล สวาดิ์ธรรม” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในขณะนั้น ซึ่งอดีตเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่มาก่อน จนได้รับข้อมูลว่า ประสิทธิ์ เจียวก๊ก เป็นบุคคลไม่น่าเชื่อถือ และไม่น่าไว้วางใจ จึงไม่อนุญาตให้เข้าพบ พล.อ.เปรม

“ไม่ใช่มีแค่ ประสิทธิ์ เจียวก๊ก แต่หลายคนที่อยากจะเข้าพบ พล.อ.เปรม เพื่อต้องการนำภาพไปแอบอ้างหรือหาประโยชน์ แต่ก็พยายามตรวจสอบข้อมูลให้มากที่สุด” อดีตหัวหน้าสำนักงาน พล.อ.เปรม ระบุ

แต่ก่อนที่ ประสิทธิ์ เจียวก๊ก จะยุติการติดต่อกับผู้ผลิตรายการสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าว เคยมีโอกาสพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพมากหน้าหลายตา ตั้งแต่ระดับ แม่ทัพภาค จนถึงระดับ 5 เสือกองทัพบก และหน่วยงานกองบัญชาการกองทัพไทย จึงไม่ยากเลยที่จะใช้ความสามารถส่วนตัว ต่อยอดจนสามารถเข้านอกออกในกองทัพได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใครอีก

โดยเฉพาะ “โครงการคืนคุณแผ่นดิน” ของประสิทธ์ เจียวก๊ก เปรียบเสมือนจุดเชื่อมต่อกับหน่วยงานภาครัฐ ให้สามารถร่วมทำกิจกรรมหลายอย่างในลักษณะการบริจาคสิ่งของ เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และการมีโครงการร่วมกับหน่วยงานราชการทั้งในส่วนกองทัพและตำรวจ รวมถึงเป็นวิทยากรบรรยาย เรื่องการปลูกฝังความรักชาติ และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

การปรากฎตัวของ ประสิทธ์ เจียวก๊ก ในหน่วยทหาร มีอยู่สองสถานะคือ ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน และ วิทยากรจิตอาสาพระราชทาน จึงปรากฎภาพ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พบปะพูดคุยและถ่ายภาพหมู่ในงานครบรอบ 65 ปีวันสถาปนากรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) จ.ลพบุรี เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา

ความไม่ชอบมาพากลของ ‘ประสิทธ์ เจียวก๊ก’ เริ่มปรากฎให้เห็นอีกครั้ง หลังเดินทางไปยังหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่ออาสาทำ “โครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน” แต่แลกกับการขอกู้เงินของสหกรณ์หน่วยทหารพัฒนา ที่ทราบมาว่ามีเงินจำนวนสูงถึง 4,000 ล้านบาท จำนวน 300 ล้านบาท แต่ถูกทหารผู้ใหญ่ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า “เงินจำนวนนี้ ไว้ให้สำหรับกำลังพลในหน่วยเท่านั้น”

ทั้งนี้ไม่เพียงแต่แวดวงทหารเท่านั้น ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ประสิทธ์ เจียวก๊ก  เคยร่วมกิจกรรมกับกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ในการเป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง “ปลูกฝังพลังความรักชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์” หรือการมอบรางวัลตำรวจจราจรดีเด่น โดยเป็นโครงการร่วมกับตำรวจจราจร

หลังจาก ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ทำให้ เฟซบุ๊คของกลุ่มเพื่อนตำรวจได้แชร์ภาพและข้อความ กรณี นายประสิทธิ์ พร้อมพวกเดินทางมาประชุมร่วมกับประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2564 พร้อมตั้งคำถามว่า “เงินยังอยู่ครบหรือไม่” จนสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติต้องเผยแพร่หนังสือชี้แจงว่า นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก แค่มาดูงานที่สหกรณ์ฯ และไม่เคยมีการทำธุรกรรม หรือนิติสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน แต่อย่างใด

ในวันนี้ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ได้กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน ขณะที่ ‘ทหาร-ตำรวจ’ พากันรูดซิปปาก ไม่ชี้แจงไขข้อข้องใจ ถึงที่มาที่ไปในการร่วมกิจกรรมสำคัญกับบุคคลดังกล่าว และปล่อยให้ความสงสัยนั้นกลายเป็นปริศนาต่อไป