จับตายอดโควิดจีนพุ่ง วันเดียวเกือบ 3,400 คน

จับตายอดโควิดจีนพุ่ง วันเดียวเกือบ 3,400 คน

จับตายอดโควิดจีนพุ่ง วันเดียวเกือบ 3,400 คน ซึ่งการที่โควิดผุดขึ้นมารอบล่าสุด ผลพวงจากสายพันธุ์โอมิครอนที่ติดต่อง่าย และจำนวนผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการพุ่งสูง กำลังท้าทายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน

เพียงสองวันหลังจากครบรอบสองปีองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ (pandemic) เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2563 จีน ประเทศแรกที่รายงานการติดเชื้อโควิดมียอดผู้ติดเชื้อเมื่อวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) สูงถึงเกือบ 3,400 คน สองเท่าของวันเสาร์ (12 มี.ค.) บีบให้จีนต้องล็อกดาวน์จุดพบการติดเชื้อ เพื่อรับมือกับการระบาดใหญ่สุดในรอบสองปี

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นทั่วประเทศจีนทำให้ทางการต้องปิดโรงเรียนในนครเซี่ยงไฮ้ ล็อกดาวน์หลายเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงที่เกือบ 19 มณฑลต้องรับมือกับคลัสเตอร์สายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน

วานนี้ (13 มี.ค.) เมืองจี๋หลิน มณฑลจี๋หลินประกาศล็อกดาวน์บางส่วน ด้วยการปิดชุมชนหลายร้อยแห่ง ขณะที่เมืองหยานจี๋ พรมแดนเกาหลีเหนือประชากรเกือบ 700,000 คน ล็อกดาวน์เต็มตัว

จีน ประเทศแรกที่ตรวจพบโควิดเมื่อปลายปี 2562 ยังคงใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ทันทีที่พบคลัสเตอร์ก็ล็อกดาวน์อย่างรวดเร็ว จำกัดการเดินทาง และตรวจหาเชื้อจากประชาชนจำนวนมาก แต่การที่โควิดผุดขึ้นมารอบล่าสุดผลจากสายพันธุ์โอมิครอนที่ติดต่อง่าย และจำนวนผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการพุ่งสูง กำลังท้าทายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน

จาง หยาน คณะกรรมาธิการสุขภาพมณฑลจี๋หลิน ยอมรับว่าการรับมือโควิดของทางการท้องถิ่นถึงขณะนี้ยังล้าหลัง

“กลไกการรับมือเร่งด่วนในบางพื้นที่ยังไม่แกร่งพอ ความเข้าใจในคุณสมบัติของสายพันธุ์โอมิครอนมีไม่มากการตัดสินใจจึงไม่แม่นยำ”

ชาวบ้านในจี๋หลินตรวจหาเชื้อหมู่ไปแล้วหกรอบ วานนี้เมืองจี๋หลินเจอโอมิครอนอีกกว่า 500 ราย ส่วนเมืองฉางชุนที่อยู่ใกล้เคียง ศูนย์กลางอุตสาหกรรมประชากร 9 ล้านคนล็อกดาวน์ไปตั้งแต่วันศุกร์ (11 มี.ค.) เมืองสี่ปิงและตั้นหัวที่เล็กลงมาในมณฑลจี๋หลิน ล็อกดาวน์ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (10 มี.ค.) และศุกร์ตามลำดับ

สื่อทางการจีนรายงาน นายกเทศมนตรีเมืองจี๋หลินและประธานคณะกรรมการสาธารณสุขเมืองฉางชุนถูกปลดจากตำแหน่งเมื่อวันเสาร์ ส่งสัญญาณถึงความจำเป็นทางการเมืองที่ทางการท้องถิ่นต้องเร่งกำจัดคลัสเตอร์โควิดให้ได้ แต่ความเหนื่อยล้าจากการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างเข้มงวดเริ่มปรากฏให้เห็น  ทางการเร่งเร้ามากขึ้นขอให้ใช้มาตรการเบาลงและจำกัดเป้าหมายเพื่อสกัดโควิด พร้อมกันนั้นนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การจัดการอย่างเข้มงวดกำลังทำร้ายเศรษฐกิจ

เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. การรับมือของพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศโดยรวมเบาลงและจำกัดเป้าหมายมากกว่าเมื่อเดือน ธ.ค. ตอนที่ต้องล็อกดาวน์เมืองซีอานและประชากร 13 ล้านคนนานถึงสองสัปดาห์

ในเซี่ยงไฮ้ เมืองใหญ่สุดของจีน เริ่มหันมาใช้การล็อกดาวน์บางส่วนมากขึ้น เน้นไปที่โรงเรียนเอกชน ภาคธุรกิจ ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า เพื่อคลายความกังวลเรื่องผู้สัมผัสใกล้ชิดแทนการกักตัวประชาชนทั้งเมืองเหมือนเมื่อก่อน

ที่โรงพยาบาลหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้ ประชาชนเข้าแถวยาวเหยียดรอตรวจโควิด 

ครั้นจำนวนผู้ติดเชื้อมากเข้า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าจะเริ่มใช้การตรวจแอนติเจนอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้ชุดตรวจมีขายทางออนไลน์และร้านขายยาเพื่อให้คลินิกและประชาชนทั่วไปซื้อหามาตรวจเองได้แล้ว กระนั้นการตรวจกรดนิวคลิิกยังเป็นวิธีหลักในการตรวจเชื้อต่อไป ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่า จีนอาจทำให้เห็นว่าความพยายามของทางการไม่สามารถสกัดโควิด-19ได้

สัปดาห์ก่อนนักวิทยาศาสตร์เบอร์หนึ่งของประเทศกล่าวว่า จีนควรตั้งเป้าอยู่ร่วมกับโควิดเหมือนประเทศอื่นๆ ที่โอมิครอนกระจายราวกับไฟป่า แต่รัฐบาลประกาศชัดว่ายังคงใช้วิธีตรวจหาเชื้อจากประชาชนจำนวนมาก

 รองนายกรัฐมนตรีซุน จุนหลาน ผู้มักถ่ายทอดความเห็นแนวทางรับมือโควิดของทางการจีนวานนี้กระตุ้นให้ภูมิภาคต่างๆ เร่งจัดการการแพร่ระบาด