ประวิตรสั่งคุมเข้มชายแดนป้องกันแรงงานเถื่อน ขู่ฟันจนท.รู้เห็นเด็ดขาด

"ประวิตร" เรียก "มหาดไทย-แรงงาน-ผบ.เหล่าทัพ" มอบนโยบายบริหารจัดการชายแดน พบ ยังมีการลักลอบเข้าช่องทางธรรมชาติ สั่งคุมเข้ม เฝ้าระวังเข้าพื้นที่ชั้นใน ปิดช่องว่างให้ได้ ไล่จับกุมขบวนการทั้งหมด ลั่น หากจนท.ปล่อยปละละเลย ฟัน วินัย-อาญา เด็ดขาดไม่มีเว้น ยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้อง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัด โดยมี พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน พล..ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล..ณัฐ อินทรเจริญปลัดกระทรวงกลาโหม พล..เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล...สุวัฒน์แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ประกอบด้วย .แม่ฮ่องสอน , .กาญจนบุรี, .อุบลราชธานี , .สระแก้ว และ .นราธิวาส ร่วมประชุมผ่านระบบ VTC เพื่อมอบนโยบายแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ยังพบความต้องการแรงงานและขบวนการลักลอบนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ และขนย้ายส่งต่อเข้าพื้นที่ชั้นในไปยังสถานประกอบการในหลายจังหวัด โดยตั้งแต่ .. 63 ถึงปัจจุบัน ทหาร ตำรวจได้ร่วมจัดตั้งจุดตรวจร่วม 1,086 จุดสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 32,812 คน โดยจับได้ในพื้นที่ชายแดน 23,258 คน พื้นที่ชั้นใน 9,554 คน เป็นผู้นำพา 264 คน ทำลายเครือข่ายไปแล้ว 105 เครือข่าย

พล..ประวิตร ได้ย้ำสั่งการขอให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกระทรวงแรงงาน ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้กลไกศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัดร่วมกันคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกัน และปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการคุมเข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่พื้นที่ชายแดน ต่อเนื่องเข้ามาพื้นที่ชั้นในและเขตเมืองอย่างเป็นระบบ โดยเน้นงานข่าวย้อนกลับจากผลสอบสวน และต้องปิดช่องว่างที่เกิดขึ้นให้ได้ ตามสืบจับขยายผลทำลายเส้นทางและโครงสร้างขบวนการลักลอบนำพาแรงงาน ตั้งแต่ต้นทางชายแดน ถึงปลายทางสถานประกอบการ นอกจากนี้ ยังได้ย้ำกับทุกส่วนราชการ หากมีการปล่อยปละละเลย หรือบกพร่องต่อหน้าที่ ต้องมีผู้รับผิดชอบ และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องสมประโยชน์ทุกระดับไม่มียกเว้น

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดชายแดน ต้องใช้กลไกศูนย์สั่งการชายแดนไทยฯ เพิ่มความถี่ลงกำกับขับเคลื่อนงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่องและจริงจังถึงระดับหมู่บ้าน ตำบลติดชายแดน คู่ไปกับกลไก กอ.รมน.จังหวัด โดยให้วางเครือข่ายเฝ้าระวังดึงประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีผู้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในทุกช่องทาง เเละต้องหยุดการเคลื่อนไหวของผู้นำพาในพื้นที่ประชาสัมพันธ์ขยายผลความร่วมมือประชาชนไปด้วยกัน

สำหรับกระทรวงแรงงาน ให้เร่งเข้าไปตรวจสอบความเชื่อมโยงจากผลการสอบสวนถึงผู้ประกอบการที่สั่งนำแรงงานเถื่อนเข้า และให้ประสานกับฝ่ายความมั่นคง ทำลายเครือข่ายการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเดิมและที่พบใหม่ให้หมดสิ้นโดยเร็ว  พร้อมกับให้เร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่ยังตกค้างให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดโดยเร็ว  อีกทั้งให้ดำรงความต่อเนื่องเชิงรุก ตรวจคัดกรองแค้มป์คนงานและสถานประกอบการ รวมทั้งกำกับติดตามการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นกลุ่มก้อนที่อาจนำพาโรคโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ขอให้เน้นงานเชิงรุกให้มากขึ้น กำหนดมาตรการป้องกัน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับสถานประกอบการที่ยังใช้แรงงานผิดกฎหมาย ร่วมไปกับขอความร่วมมือสถานประกอบการ ระงับการใช้แรงงานผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด

ส่วนตำรวจให้ประสานแก้ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน และกำชับการทำงานของหน่วยงาน ตชด. ตม. และตำรวจภูธรทุกพื้นที่ สนับสนุนการทำงานของ ศูนย์สั่งการชายแดนฯ และกวดขันเพิ่มจุดตรวจทั้งเส้นทางหลักและรอง สกัดกั้นการลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามาในพื้นที่ชั้น และควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นกลุ่มก้อน พร้อมคงความต่อเนื่องเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมการค้ามนุษย์ ยาเสพติด แหล่งมั่วสุมในทุกพื้นที่ชุมชน โดยให้ขยายผลยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทุกราย เพื่อร่วมกันควบคุมโรคและการกระทำที่ผิดกฎหมายควบคู่กันไป พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยของทุกคน